Tuesday, February 24, 2009

มาด้วย K1 แต่ไม่ได้แต่งงานภายใน 90 วันในที่สุดก็ได้กรีนการ์ด GC-K1-2009 แต่งงานหลังวีซ่าหมดอายุ ทำเรื่องปรับสถานะผ่าน



มาด้วย K1 แต่ไม่ได้แต่งงานภายใน 90 วันในที่สุดก็ได้กรีนการ์ด GC-K1-2009 แต่งงานหลังวีซ่าหมดอายุ ทำเรื่องปรับสถานะผ่านTue Feb 24, 2009 5:55 am nongjiji2208

 มีใครเคยเจอเคสแบบนี้บ้างไหมคะ Wed Dec 10, 2008 9:26 pm
มาด้วยวีซ่า K-1 แล้วไม่ได้แต่งงานภายในกำหนด ตอนนี้ over stay ไปเกือบ 2 ปี แต่ว่าแต่งงานแล้วนะคะ ตอนนี้ยื่นเรื่องขอกรีนการ์ดอยุ่ ได้วันสัมภาษณ์ต้นปีนี้น่ะค่ะ มีความไม่มั่นใจว่า จะโดนคำถามยังไง และใครเคยเจอเคสแบบนี้แล้ว และผ่านมาได้หรือไม่คะ หรือว่าโดนส่งกลับ (แต่งกับคนที่ทำวีซ่าให้นะคะ เพียงแต่ว่าแต่งช้าหน่อย)


 Re: มีใครเคยเจอเคสแบบนี้บ้างไหมคะ
ขอบคุณค่ะคุณ Pond ตอนนี้ไปตั้งกระทู้ถามทีเวปคุณลาวัณวดีแล้วค่ะ คำตอบคือ ทำได้ แต่ควรใช้ทนาย งืม ๆๆๆ ตอนนี้เลยมีปัญหามาให้ตัดสินใจอีกแหละ เพราะว่า เรายื่นเอกสารทุกอย่างไปเองหมดแล้ว เหลืออีกแค่เดือนเดียวจะสัมภาษณ์ ตอนนี้เราจะจ้างทนายมาเพื่ออะไรหนอ  เพราะเอกสารทุกอย่างเราเตรียมพร้อมหมดแล้ว เลยตัดสินใจไม่ถูกเลยว่าควรจะจ้างหรือไม่ควรจ้างดี เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ คะ ช่วยตัดสินใจที กำลังหยั่งน้ำหนักอยู่ว่าควรจะเอาไงดี


 Re: มีใครเคยเจอเคสแบบนี้บ้างไหมคะ
แวะมาส่งข่าวค่ะ ว่าผ่านเรียบร้อยฉลุย วันนี้ได้รับจดหมาย Welcome to The United States of America แล้วค่ะ
ขอบคุณที่เป็นกำลังใจนะคะ

อยากจะฝากบอกถึงเผื่อรุ่นน้อง ๆ ที่มีเคสคล้าย ๆ กันว่า ถ้าเอกสารพร้อม หลักฐานพร้อม ไม่ต้องใช้ทนายค่ะ เพราะเราก็ทำเองทุกอย่าง มั่นใจมาก ตอนสัมภาษณ์ก็สัมภาษณ์พร้อมแฟนเลย และไม่ได้สัมภาษณ์กับผู้พิพากษาแต่อย่างใดเลย คนสัมภาษณ์อายุประมาณ 30 กว่า ๆ ด้วยซ้ำ

ขอย้ำว่า ถ้าแต่งกับคนเดิม หลักฐานแน่น (รูปถ่าย join account ย้อนหลัง พวกซองจดหมายต่าง ๆ ที่เพื่อน ๆ พ่อแม่พี่น้องส่งมาให้เก็บไว้ , เอกสารเกี่ยวกับ beneficial of insurance อันนี้ก็สำคัญค่ะ สรุปคืออันไหนที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ ให้เก็บไว้ให้ดี ๆ แล้วหอบไปให้เจ้าหน้าที่ดู)

ใครมีเคสแบบเรา ขอบอกว่าไม่ต้องตื่นเต้นค่ะ ถ้าเราแต่งงานกับคนที่ขอ K-1 ให้นะคะ ถ้าแต่งกับคนละคน อันนี้ก็หอบเสื้อผ้ากลับเมืองไทยไปก่อนนะคะ ไม่ต้องไปขอให้เสียเวลาเสียตังค์

ส่วนเรื่องของเอกสาร ถ้าอยู่ OVERSTAY แบบเรา การยื่นขอเอกสารทุกอย่างเหมือนปกติ ( $ 1010 ) แต่เพิ่ม
1. I-130 ----> $355
2. I-864 Affidavit of Support
3. I-693 (เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน)

และค่า Fee จะต้องจ่ายเพิ่มรวมเบ็ดเสร็จ $1365


หวังว่าเคสของเราจะเป็นตัวอย่างสำหรับคนอื่นที่อาจจะต้องประสบปัญหากับเรานะคะ


https://docs.google.com/document/d/1JiS93iRNM6VAoVRnQg79nOUjYGkWymWs9DejHyY2OAM/edit

Friday, January 9, 2009

การขอกรีนการ์ด วีซ่า F-1

สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่

Joined: Tue Apr 03, 2007 1:43 pm
Posts: 9
Edit post Reply with quote
Post การขอกรีนการ์ด วีซ่า F-1
อุ๋มจะรวบรวมขั้นตอนและเอกสารในการยื่นขอปรับสถานะของวีซ่า F-1 หรือนักเรียนนะคะ

เริ่มจาก..

จดทะเบียนสมรสกันก่อน....ส่วนนี้แล้วแต่เพื่อนๆนะคะว่าอยากจดทะเบียนสมรสกันที่ไหน อุ๋มรวบรวมข้อมูลในส่วนของการจดทะเบียนมาให้ค่ะ

------------ การจดทะเบียนสมรส หรือ Applying for a Marriage License --------------

>> Applying for a Marriage License in California
สถานที่ : California County or City Clerk's office
สิ่งที่ต้องใช้ : ของเรา passport, Copy of Birth Certificate(แล้วแต่เมืองนะคะ บางที่ก็ใช้ค่ะ เตรียมไปก่อนก็ดีค่ะ)
ของแฟนเรา id card, Copy of Birth Certificate(แล้วแต่เมืองเช่นกันค่ะ)
marriage license application (บาง city มีให้ดาวโหลดผ่านเวบค่ะ หรือจะไปกรอกที่นั่นเลยก็ได้) และในการกรอก เราจำเป็นที่จะต้องรู้ข้อมูลของพ่อและแม่คือ วันเดือนปีที่เกิด และจังหวัดที่เกิดค่ะ
Witness : พยาน 2 คนค่ะ
ค่าใช้จ่าย : แต่ละเมืองจะไม่เท่ากันนะคะ แต่จะประมาณ $45 and up

*สำหรับคนที่เคยแต่งงานมาแล้ว อาจจำเป็นต้องใช้สำเนาใบหย่าไปยื่นด้วยค่ะ 
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ http://marriage.about.com/cs/marriageli ... fornia.htm สำหรับ California ค่ะ
http://marriage.about.com/cs/marriageli ... arlaws.htm สำหรับรัฐอื่นๆค่ะ

>> Applying for a Marriage License in Las Vegas

พอดีเพื่อนอุ๋มให้อุ๋มช่วยสอบถามข้อมูลจากพี่ๆเพื่อนๆในนี้ อุ๋มเลยรวบรวมมาให้ด้วยค่ะ สำหรับคนอยากจดทะเบียนและจัดงานที่ลาสเวกัส
เริ่มจาก...

1. เราต้องกรอกและยื่น marriage license application ของรัฐ Nevada ค่ะ จะดาวโหลดหรือไปเองได้ที่ 
CLARK COUNTY CLERK'S OFFICE - 201 Clark Avenue, P.O. Box 551603 Las Vegas, NV 89155
8:00 a.m. to 12:00 a.m.(Midnight) Seven Days a Week

Download File http://www.accessclarkcounty.com/depts/ ... nline.aspx
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ http://www.accessclarkcounty.com/depts/ ... ation.aspx
ค่าใช้จ่าย - $55 Cash only

2. หลังจากทำเรื่อง application เรียบร้อยเราก็ไปจดทะเบียนค่ะ พอดีเพื่อนอุ๋มเ้ค้าจองแพคเกจแบบ Drive thru ไว้ ราคา $199 แต่ต้องจ่ายค่า Minister $40 และ Driver+tip $40 แยกค่ะ เพื่อนอุ๋มจองไว้กับที่นี่ค่ะhttp://www.aspecialmemory.com/ ยังไงเพื่อนๆลองเลือกที่อื่นดูก็ได้นะคะเพราะมันมีโปรโมชั้นและแพคเกจเยอะมากเลยค่ะ http://www.cccarto.com/lasvegas_chapels ... W=1+ZOOM=b 
ต้องมีพยานสองคนเช่นกันค่ะ แต่บางที่เค้ามีพยานให้สำหรับคนที่ไม่มีเพื่อนไปด้วยค่ะ
หมายเหตุ หากเลือกแบบเข้าโบสถ์นั้น ก็เอาเอกสารจากข้อ 1 ไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ด้านในค่ะ จากนั้นเค้าจะเรียกให้เราเข้าไปในโบสถ์ และให้เพื่อนเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ค่ะ (ห้ามถ่ายรูปข้างในนะคะ เค้าจะมีเจ้าหน้าที่ถ่ายให้อยู่แล้วค่ะ) เพลงบรรเลงจะเริ่มขึ้น ซึ่งบาทหลวงจะยืนรอเราที่ด้านหน้าอยู่แล้วคะ จากนั้นเราก็เดินไปที่บาทหลวง ทำตามพิธี หลังจากนั้นถ่ายรูปรวมหมู่ค่ะ เป็นอันเสร็จ

3. เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ จากนั้นเราต้องส่งเช็คหรือ money order ไปที่ clerk office ที่ Nevada เพื่อขอ copy of marriage certificate ค่ะ จำนวนเงินขึ้นอยู่กับจำนวนของ copy ที่เราต้องการค่ะ $10/1 copy ค่ะ แล้วก็รอประมาณ 1 เดือนค่ะ เค้าจะส่งเอกสารมาที่บ้านเราตามที่อยู่ที่เราแจ้งไปค่ะ

---------------การเตรียมเอกสาร---------------

หลังจากจดทะเบียนแล้ว เราก็มาเริ่มเตรียมเอกสารที่ต้องยื่นขอปรับสถานะกันดีกว่าค่ะ

*รายได้ขั้นต่ำของสามีหรือผู้ที่เป็นสปอนเซอร์ปี 2009 ค่ะhttp://lawanwadee.prophpbb.com/topic2099.html

เอกสารในส่วนของเรา
1. G-325A
2. I-693 เป็นแบบฟอร์มการตรวจสุขภาพนะคะ อุ๋มแนะนำให้ตรวจกับหมอที่อเมริกาค่ะเพราะว่ามีคนไปตรวจที่ไทยแล้วเอาใบรับรองจากไทยมาใช้ที่นี่ไม่ได้ค่ะ ส่วนเรื่องของประกันสุขภาพ อุ๋มถามมาจากทนายและหลายๆประกัน เค้าไม่ครอบคลุมสำหรับการตรวจสุขภาพเพื่อยื่น immigration ค่ะ ตรงนี้เราต้องจ่ายเองค่ะ (ถ้าเพื่อนๆทราบว่าประกันที่ไหนจ่ายให้ก็มาอัพเดทกันได้ค่ะ)
3. I-130 ส่วนนี้่เราหรือแฟนกรอกก็ได้ค่ะ
4. I-131 ฟอร์มนี้ไม่จำเป็นทุกคนนะคะ ใช้สำหรับท่านที่ต้องการออกนอก usa ขณะกำลังยื่นเรื่องขอปรับสถานะเท่านั้นค่ะ คนที่ไม่ได้จะออกนอก usa ไม่ต้องยื่นก็ได้ค่ะ
5. I-765 สำหรับการขอ work permit ค่ะ ยื่นพร้อมกันไปเลย
6. I-485
7. สำเนาpassport และหน้าของ visa
8. สำเนา I-94
9. สำเนา Marriage Certificate
10. สำเนาใบเกิดและสำเนาที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว
11. รูปสี passport style ถ่ายไม่เกิน 30 วันนับจากวันที่ยื่นเอกสาร ของเราใช้ 6 รูปค่ะ

ในส่วนของแฟนเรา
1. G-325A
2. I-864
3. รูปสี passport style ถ่ายไม่เกิน 30 วันนับจากวันที่ยื่นเอกสาร แฟนใช้ 2 รูปค่ะ
4. สำเนา Birth Certificate 
5. สำเนา Tax return and W-2s
6. สำเนา Tax transcripts ย้อนหลังสามปี (ในกรณีที่ไม่ถึงสามปีก็เอาเท่าที่ทำค่ะ)
7. สำเนา Paystubs ส่วนนี้เวลาไปสัมภาษณ์ใช้ย้อนหลังสองเดือนจากวันที่สัมภาษณ์ด้วยค่ะ (ตรงนี้พี่แนทแจ้งมาค่ะ ขอบคุณพี่แนทนะคะ)
8. จดหมายรับรองการทำงานของแฟนที่ระบุชื่อที่ทำงาน ระยะเวลาทำงาน ประเภทงาน และเงินเดือนค่ะ
9. ใบรับรองทางการเงินจากธนาคาร (ถ้ามีค่ะ)

ในส่วนที่ใช้ร่วมกัน
1. Checking Account ชื่อร่วมกัน
2. Auto Insure ชื่อร่วมกัน
3. Life Insure ถ้ามีนะคะ ชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นฝ่ายตรงข้ามค่ะ
4. Photos รูปถ่ายคู่ต่างๆที่ยืนยันความสัมพันธ์ค่ะ ถ้ามีเยอะ write cd เลยค่ะ
5. เอกสารอื่นๆที่แสดงถึงความสัมพันธ์ค่ะ ของอุ๋มมี Bill โทรศัพท์ที่แฟนเปิดให้ด้วยค่ะ

*เอกสารทุกตัวใช้สำเนา(ถ่าย xerox)เท่านั้นค่ะ เฉพาะ Form ต่างๆเท่านั้นที่ใช้ตัวจริง (ข้อมูลจากพี่แนทค่ะ)

ค่าใช้จ่าย
เช็ค 2 ใบนะคะ 
- $1010
- $355 
สั่งจ่าย Department of Homeland Security (ส่วนนี้อุ๋มเอามาจากที่ฝนโพสค่ะ ขอบคุณฝนนะคะ)

เอกสารครบแล้ว เขียนใบปะหน้าว่าเราส่งอะไรไปบ้างเพื่อง่ายแก่การเช็คของเจ้าหน้าที่ค่ะ จากนั้นเขียนวงเล็บมุมซองเรื่องที่ส่งถึงเค้า และส่งไปที่

For U.S. Postal Service (USPS) Deliveries:

To - USCIS
P.O. Box 805887
Chicago, IL 60680-4120
 แนะนำให้ลงทะเบียนด้วยค่ะ

For Courier/express deliveries:

To - USCIS
Attn : FBAS
131 South Dearborn - 3rd Floor
Chicago, IL 60603-5517


Download ฟอร์มต่างๆได้ที่นี่ค่ะ http://www.uscis.gov/portal/site/uscis/ ... f3d6a1RCRD

--------------การกรอกแบบฟอร์มต่างๆ--------------

I-765

I'm applying for : Permission to accept employment
1. นามสกุลหลังแต่งงาน (ถ้าเปลี่ยน), ชื่อเรา และชื่อกลาง (ถ้ามี)
2. นามสกุลเราก่อนแต่งงาน สำหรับคนที่เปลี่ยนไปใช้นามสกุลแฟนค่ะ
3. ที่อยู่ปัจจุบันใน usa
4. Thailand
5. อำเภอ จังหวัดและประเทศที่เราเกิด
6. วันเกิด
7. เพศ
8. สถานะ Married
9. SSN ถ้ามีนะคะ ไม่มีเว้นว่างหรือใส่ NONE 
10. A-Number เว้นว่างค่ะสำหรับวีซ่านักเรียน
11. เคยยื่นขอมาก่อนมั้ย No
Which USCIS Office? เว้นว่าง
Date(s) เว้นว่าง
Results เว้นว่าง
12. วันที่เข้ามา usa ล่าสุด
13. เราผ่าน immigration ที่เมืองอะไรล่าสุดที่เข้ามา usa
14. F-1 Visa Holder
15. F-1
16. (C) (09)
17. เว้นว่าง

I-130

A.Relationship
1. Husband/Wife
2. No
3. No
B.Information about you (ส่วนของสามีคะ)
1. นามสกุลสามี(ตัวพิมพ์ใหญ่), ชื่อสามี
2. ที่อยู่ปัจจุบัน
3. เมืองที่สามีเกิด, รัฐ
4. วันเกิด
5. เพศ
6. Married
7. ชื่อเดิม(ในกรณีที่เคยเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลก่อนแต่งงาน)
8. วันที่จดทะเบียนหรือแต่งงาน, เมืองที่จดทะเบียนหรือแต่งงาน
9. หมายเลข SSN
10. None
11. ชื่อภรรยาหรือสามีคนเก่า(ในกรณีคนที่เคยหย่ามาก่อน)
12. วันที่แต่งและวันที่หย่า
13. ได้เป็นซิติเซ่นเนื่องจาก...ข้อนี้แฟนอุ๋มเค้าเกิดที่นี่เลยเลือก Birth in the U.S.
14. None
14b. คุณได้เป็นซิติเซ่นจากการแต่งงานหรือไม่?
C.Information about your relative (ส่วนของเรา)
1. นามสกุลหลังแต่งงาน(ตัวพิมพ์ใหญ่), ชื่อเรา
2. ที่อยู่ปัจจุบัน
3. อำเภอที่เราเกิด, จังหวัด
4. วันเกิด
5. เพศ
6. Married
7. นามสกุลเดิมหรือชื่อเดิม(ในกรณีที่เคยเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลก่อนแต่งงาน)
8. วันที่จดทะเบียนหรือแต่งงาน, เมืองที่จดทะเบียนหรือแต่งงาน
9. หมายเลข SSN
10. None
11. ชื่อภรรยาหรือสามีคนเก่า(ในกรณีคนที่เคยหย่ามาก่อน)
12. วันที่แต่งและวันที่หย่า
13. คุณเคยมาอเมริกามั้ย? ตอบ Yes
14. วีซ่านักเรียนตอบ Student, ใส่หมายเลข I-94 ซึ่งได้ตอนที่เข้าอเมริกามา และใส่วันที่เข้ามาล่าสุด
15. None
16. No
17. ชื่อ-นามสกุลเรา, Wife, วันเกิด, ประเทศที่เกิด
18. ที่อยู่ปัจจุบัน
19. ที่อยู่ในเมืองไทย
20. ชื่อเราเป็นภาษาไทยและที่อยู่ในเมืองไทยเป็นภาษาไทย
21. กรณีขอให้คู่สมรส ให้ใส่ที่อยู่ที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน
22. เมืองที่เราอยู่และรัฐ
D.other information
1. None
2. No
E.Signature of petitioner 
ลายเซ็นต์, วันที่เซ็นต์, หมายเลขโทรศัพท์ของสามี
F.(ในกรณีที่มีทนายหรือผู้อื่นช่วยกรอกเอกสารให้เรา ให้ใส่ชื่อที่อยู่และลายเซ็นต์เค้าด้วย)


ในส่วนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลค่ะ จะมาอัพเดทเร็วๆนี้นะคะ

--------------การขอ SSN---------------

เอกสารที่ใช้ : 
- Passport
- I-94 ที่ติดอยุ่กับ Passport เราตอนเข้าเมืองมาค่ะ แนะนำให้ไปทำก่อนหมดอายุนะคะ แต่ว่าถ้าเป็นวีซ่านักเรียนวันหมดอายุจะระบุว่า D/S คือขึ้นอยู่กับ I-20 ค่ะ
- Copy Of Married Certificate
- Form SS-5 http://www.socialsecurity.gov/online/ss-5.html ในส่วน Other SSA Forms ค่ะ

*work permit (หลายๆ city ต้องใช้ด้วยคะ ,San Dimas CA ต้องมีถึงจะขอได้ค่ะ)

***SS Office บางเมืองเค้าจะขอ Work Permit ด้วยค่ะั หรือหลักฐานในการยื่นขอปรับสถานะของเราค่ะ อันนี้เพื่อนๆต้องไปติดต่อ Social Office ใกล้บ้านเพื่อนๆดูนะคะ
***Link หาสำนักงาน Social ใกล้บ้านเพื่อนๆค่ะ https://secure.ssa.gov/apps6z/FOLO/fo001.jsp
***Check Status https://secure.ssa.gov/apps6z/IAPS/applicationStatus
***เมื่อคุณได้รับ หมายเลขโซเชี่ยลแล้ว ควรจำหมายเลขให้ได้ และเก็บบัตรไว้ ในที่ปลอดภัย ไม่ควรพกพาไปไหนๆ เพราะหากเกิดหายไป ผู้ที่้เก็บได้ อาจนำไปใช้ ในทางที่มิชอบ ซึ่งจะทำลายเครดิตของคุณ และยังอาจ สร้างหนี้สินจำนวนมาก ในชื่อคุณได้อีกด้วย

หมายเหตุ หากเพื่อนๆไปขอแล้วทางเจ้าหน้าที่ต้องการ work permit ด้วยแต่ว่าเพื่อนๆไม่ได้ยื่นขอ work permit ไปพร้อมกับยื่นปรับสถานะ หากเป็นแบบนี้แล้วเพื่อนๆต้องรอจนกว่าจะได้กรีนการ์ดถึงไปขอ SSN ได้อีกทีค่ะ

--------------การเปลี่ยนนามสกุลหลังจากแต่งงาน---------------

***แนะนำให้รอให้ได้กรีนการ์ดก่อนค่อยไปเปลี่ยนนะคะ เนื่องจากอุ๋มไปเปลี่ยนมา ทาง DMV hold เรื่องไว้จนกว่าจะได้กรีนการ์ดคะ ให้เหตุผลว่า เค้าต้องตรวจสอบว่าเราอยู่ที่นี่ถูกกม. เนื่องจากตอนเรากำลังยื่นเรื่องขอกรีนการ์ดหรือรอกรีนการ์ดนั้น สถานะเราไม่ได้เป็น F1 หรือนักเรียนแล้วนะคะ สถานะเราตอนนั้นคือรออย่างเดียว อุ๋มแนะนำเพราะว่าตอนอุ๋มหลังจากแต่งงานทันที รอจนกว่าจะได้ Driver License นามสกุลใหม่ รอนานกว่าสองเดือนเลยคะ แต่พอเอากรีนการ์ดไปยื่น ให้เค้าถ่ายเอกสารเก็บหลักฐานไป หลังจากนั้น อาทิตย์กว่าๆก้อได้ Driver License พร้อมนามสกุลใหม่คะ***

เอกสารที่ต้องใช้ : copy of marriage certificate (จะได้หลังจากเราแต่งงานประมาณ 2-4 weeks)

หากเราต้องการเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามของแฟนเรา ขั้นตอนมีดังนี้ค่ะ
>> เปลี่ยนที่ USA 
***เราต้องไปทำเรื่องเปลี่ยนนามสกุลที่ DMV ใกล้บ้านค่ะ
1. ไปที่ DMV ใกล้บ้านท่านด้วยตัวเอง 
- หา DMV ใกล้บ้านที่นี่ค่ะ http://dmv.ca.gov/fo/offices/toc_fo.htm
- หรือโทรไปนัดก่อนได้ที่ 1-800-777-0133 Business Hour ค่ะ
2. Complete the Form DL 44 ค่ะ 
3. Give a thumb print
4. ถ่ายรูปค่ะ
5. จ่ายค่าธรรมเนียมค่ะ ของอุ๋ม $28 เช็คราคาของแต่ละชนิดได้ที่นี่ค่ะhttp://dmv.ca.gov/dl/fees/driverlicense_fees.htm#classc

เป็นอันเรียบร้อยค่ะ

--------------การเปลี่ยนนามสกุลหลังจากแต่งงาน(เปลี่ยนในทะเบียนบ้านและพาสปอร์ต)--------------

>> ในกรณีจดทะเบียนที่ USA
หากเพื่อนๆจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายอเมริกา จะต้องนำทะเบียนสมรสที่ออกหน่วยราชการสหรัฐอเมริกาไปผ่านการรับรอง เอกสาร 3 แห่งในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Secretary of State, Department of States และสถานเอกอัครราชทูตฯ ก่อนที่จะนำไปใช้ที่ประเทศไทย
* สถานเอกอัครราชทูตฯ ไม่รับรองลายมือชื่อในเอกสารที่กรอกข้อความไม่ครบถ้วน
* สถานเอกอัครราชทูตฯ รับรองเฉพาะลายมือชื่อ ไม่รับรองข้อความใดๆ ที่ปรากฎในเอกสาร

ขั้นตอนการดำเนินการ
1. นำทะเบียนสมรสไปผ่านการรับรองจาก Office of the Secretary of State หรือ State Authentication Authorities หรือ Superior Court ของรัฐที่ออกเอกสารให้
2. นำทะเบียนสมรส ที่ผ่านการรับรองขั้นตอนจากข้อ 1 ไปรับรองเอกสารที่ Department of State, Authentication Office Washington D.C. (กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา)
สามารถหาข้อมูลได้ที่
Authentication Office
United State Department of State
518 23rd Street, N.W. SA-1
Washington D.C. 20520
Tel. 1-800-688-9889 # 6
(202) 647-5002

http://www.state.gov/m/a/auth/
3. หลังจากผ่านขั้นตอนตามข้อ 2 แล้ว ผู้ร้องจะต้องส่งนำทะเบียนสมรสดังกล่าว มารับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทย เป็นขั้นตอนสุดท้ายในสหรัฐอเมริกา
4. นำเอกสารตัวจริง ที่ผ่านขั้นตอนการรับรองเอกสารทั้งสามข้อในสหรัฐอเมริกา (Office of the Secretary of State, Department of State และสถานเอกอัครราชทูตฯ) ไปประเทศไทย และนำไปแปลเป็นภาษาไทยได้ตามร้านรับจ้างแปลทั่วไป
5. นำเอกสารตัวจริงพร้อมคำแปลภาษาไทย ไปที่กองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้รับรองเอกสารตัวจริงและคำแปลภาษาไทยดังกล่าว ว่าเป็นคำแปลที่ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
123 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
โทรศัพท์ : 02-575-1056-61 โทรสาร : 02-575-1054
เวลาทำการ : 08.30-14.30 น. (ปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
อีเมลล์ : consular04@mfa.go.th

6. นำเอกสารตัวจริงและคำแปลที่ผ่านการรับรองจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ไปยื่นคำร้องต่อที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอ หรือเขตที่ท่านมีชื่ออยู่ เพื่อทำการบันทึกสถานะครอบครัว โดยเปลี่ยนนามสกุลในทะเบียนบ้าน หลังจากนั้น ท่านจะต้องทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ เพื่อนำไปใช้ทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ (e-passport)

การยื่นคำร้อง
สามารถยื่นคำร้องได้ 2 วิธี คือ
* ยื่นคำร้องด้วยตนเองที่สถานเอกอัครราชทูตฯ โดยช่วงเวลาในการยื่นคำร้อง คือ 09.00 – 13.00 น. วันจันทร์ – วันศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการสถานทูต)
* ยื่นคำร้องทางไปรษณีย์

เอกสารที่ใช้
กรณีผู้ร้องและคู่สมรสเดินทางไปแสดงตนที่สำนักงานเขต/อำเภอ
1. กรอกคำร้องนิติกรณ์ 1 ชุด
2. ทะเบียนสมรสที่ผ่านการรับรองจาก Secretary of State และ Department of State แล้ว (ดูรายละเอียดได้ในหัวข้อ “ขั้นตอนการดำเนินการ” ข้อที่ 1 และ 2 พร้อมสำเนาทุกหน้า จำนวน 1 ชุด
3. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ร้องและคู่สมรส หน้าที่มีรูปถ่ายจนถึงหน้าที่ประทับตราวันต่ออายุและวันหมดอายุ จำนวน 1 ชุด (หากคู่สมรสไม่มีหนังสือเดินทาง ให้ถ่ายสำเนาของ I.D. Card หรือ Driver’s License)
>> ค่าธรรมเนียม
* ค่าธรรมเนียมในการรับรองทะเบียนสมรส ฉบับละ 15.00 ดอลลาร์สหรัฐ
* วิธีการชำระเงิน
o ชำระเป็น เงินสด
o ชำระเป็น Money Order

หมายเหตุ ยื่นคำร้องทางไปรษณีย์ รับชำระค่าธรรมเนียมเป็น Money Order เท่านั้น

กรณีคู่สมรสไม่สามารถเดินทางไปแสดงตนที่สำนักงานเขต/อำเภอ
1. กรอกคำร้องนิติกรณ์ จำนวน 1 ชุด
2. ทะเบียนสมรส/หย่า ที่ผ่านการรับรองจาก Secretary of State และ Department of State แล้ว (ดูรายละเอียดได้ในหัวข้อ “ขั้นตอนการดำเนินการ” ข้อที่ 1 และ 2) พร้อมสำเนาทุกหน้า จำนวน 1 ชุด
3. หนังสือเดินทางของผู้ร้องและคู่สมรส ฉบับจริง
4. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ร้องและคู่สมรส หน้าที่มีรูปถ่ายจนถึงหน้าที่ประทับตราวันต่ออายุและวันหมดอายุ จำนวน 1 ชุด (หากคู่สมรสไม่มีหนังสือเดินทาง ให้ถ่ายสำเนาของ I.D. Card หรือ Driver’s License)
5. กรอกหนังสือตกลงการใช้ชื่อสกุล จำนวน 1 ชุด
6. กรณียื่นคำร้องทางไปรษณีย์ ผู้ร้องและคู่สมรสต้องมีแบบฟอร์มรับรองลายมือชื่อ Notary Public for Signature(Download) ซึ่งท่านและคู่สมรสต้องไปเซ็นชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่ Notary Public เพื่อรับรองลายเซ็นของท่านและคู่สมรส

หมายเหตุ ในการยื่นคำร้องทางไปรษณีย์ หากผู้ร้องไม่ต้องการส่งหนังสือเดินทางฉบับจริง ต้องส่งสำเนาที่ให้เจ้าหน้าที่ Notary Public รับรองว่าเป็นสำเนาที่ถ่ายจากต้นฉบับจริง
>> ค่าธรรมเนียม
* ค่าธรรมเนียม 30.00 ดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย
* ค่าธรรมเนียมในการรับรองทะเบียนสมรส/หย่า ฉบับละ 15.00 ดอลลาร์สหรัฐ
* ค่าธรรมเนียมในการรับรองลายมือชื่อในหนังสือตกลงการใช้ชื่อสกุล ฉบับละ 15.00 ดอลลาร์สหรัฐ
* วิธีการชำระเงิน
o ชำระเป็น เงินสด
o ชำระเป็น Money Order

หมายเหตุ ยื่นคำร้องทางไปรษณีย์ รับชำระค่าธรรมเนียมเป็น Money Order เท่านั้น

กรณีผู้ร้องและคู่สมรสไม่สามารถเดินทางไปแสดงตนที่สำนักงานเขต/อำเภอ
1. กรอกคำร้องนิติกรณ์ จำนวน 1 ชุด
2. ทะเบียนสมรส/หย่า ที่ผ่านการรับรองจาก Secretary of State และ Department of State แล้ว (ดูรายละเอียดได้ในหัวข้อ “ขั้นตอนการดำเนินการ” ข้อที่ 1 และ 2) พร้อมสำเนาทุกหน้า จำนวน 1 ชุด
3. หากคู่สมรสไม่มีหนังสือเดินทาง ให้ถ่ายสำเนาของ I.D. Card หรือ Driver’s License
4. หนังสือเดินทางของผู้ร้อง เล่มจริงที่ยังมีอายุใช้งาน
5. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ร้องและคู่สมรส หน้าที่มีรูปถ่ายจนถึงหน้าที่ประทับตราวันต่ออายุและวันหมดอายุ จำนวน 1 ชุด (หากคู่สมรสไม่มีหนังสือเดินทาง ให้ถ่ายสำเนาของ I.D. Card หรือ Driver’s License)
6. กรอกหนังสือตกลงการใช้ชื่อสกุล จำนวน 1 ชุด
7. กรอกหนังสือมอบอำนาจสำหรับเปลี่ยนนามสกุล จำนวน 1 ชุด
8. กรณียื่นคำร้องทางไปรษณีย์ ผู้ร้องและคู่สมรสต้องมีแบบฟอร์มรับรองลายมือชื่อ Notary Public for Signature ซึ่งท่านและคู่สมรสต้องไปเซ็นชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่ Notary Public เพื่อรับรองลายเซ็นของท่านและคู่สมรส
>> ค่าธรรมเนียม
* ค่าธรรมเนียม 60.00 ดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย
* ค่าธรรมเนียมในการรับรองทะเบียนสมรส/หย่า ฉบับละ 15.00 ดอลลาร์สหรัฐ
* ค่าธรรมเนียมในการรับรองลายมือชื่อในหนังสือตกลงการใช้ชื่อสกุล ฉบับละ 15.00 ดอลลาร์สหรัฐ
* ค่าธรรมเนียมในการรับรองลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจ ฉบับละ 15 ดอลลาร์สหรัฐ
* ค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองสำเนาถูกต้องของหนังสือเดินทาง ฉบับละ 15.00 ดอลลาร์สหรัฐ
* วิธีการชำระเงิน
o ชำระเป็น เงินสด
o ชำระเป็น Money Order สั่งจ่าย “The Royal Thai Embassy”

หมายเหตุ ยื่นคำร้องทางไปรษณีย์ รับชำระค่าธรรมเนียมเป็น Money Order เท่านั้น

ระยะเวลาในการดำเนินการ
* กรณียื่นคำร้องด้วยตนเองที่สถานเอกอัครราชทูตฯ จะใช้เวลาในดำเนินการประมาณ 3-5 วันทำการ
* กรณียื่นคำร้องทางไปรษณีย์ จะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 7-10 วันทำการ

การขอรับเอกสาร
ผู้ร้องสามารถรับเอกสารได้ 2 วิธี

- รับเอกสารด้วยตนเองที่สถานเอกอัครราชทูตฯ โดยช่วงเวลาในการรับเอกสาร คือ 09.00 – 13.00 น. วันจันทร์–วันศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการสถานทูต)
- รับเอกสารทางไปรษณีย์ ท่านต้องดำเนินการ ดังนี้
o เตรียมซอง Express Mail ของ U.S. Post Office ติดแสตมป์ ราคา 16.50 ดอลลาร์สหรัฐ (ไม่รับ Meter Stamp)
o เขียนชื่อ-ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ บนซอง ถึงตัวท่านเองให้ชัดเจน


***กรณีเปลี่ยนนามสกุลหลังจากหย่า ทำแบบเดียวกันทุกอย่างแต่ใช้ใบหย่าแทนใบสมรสค่ะ
หมายเหตุ ข้อมูลจากคุณลาวัลวดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

-------------- I-693 Report Of Medical --------------

***ถ้าเพื่อนๆไม่ทราบว่้าควรจะไปตรวจกับหมอที่ไหนดี ลองหาที่ใกล้บ้านจากที่นี่เลยค่ะhttps://egov.uscis.gov/crisgwi/go?actio ... e_type=CIV (Credit : มดค่ะ...ขอบคุณมดมากน๊า)

อันนี้ยกตัวอย่างของอุ๋มค่ะ
อุ๋มได้โทรไปสอบถามคลินิคที่ใกล้บ้านที่ทำ Immigration physical จากเว็บด้านบนค่ะ แล้วก็โทรไปประมาณ 10 ที่เปรียบเทียบราคา ก็มาเจอที่ถูกที่สุดที่นี่
>> Dr. Thomas K Y Hsu 
เค้ามีเป็นแบบ Package สำหรับอิมมิเกรชั่นเลยค่ะ ราคา $195 รวมค่าหมอ ค่าตรวจเลือด ค่าทำTB Test ค่าMMR ค่าX-Ray หากผลตรวจTB ออกมาเป็นบวกค่ะ(ทางเจ้าหน้าที่บอกอุ๋มว่าคนเอเชียเกือบทุกคนผลตรวจออกมาจะเป็นบวกค่ะเนื่องจากสภาพอากาศและการเป็นอยู่) แต่เนื่องจากอุ๋มอายุยังไม่ถึง 27 ปีบริบูรณ์(จะดีใจหรือเสียดีเนี่ยที่อายุยังไม่ถึง) อุ๋มจึงต้องฉีด HPV เพิ่มค่ะ ราคา $150/เข็ม ซึ่งจริงๆต้องฉีด 3 เข็มค่ะ คือฉีดเข็มแรก เข็มที่สองหลังจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มที่สามหลังจากเข็มที่สอง 6 เดือนค่ะ แต่แค่เข็มแรกก็ส่งเอกสารขอปรับสถานะไปได้เลยค่ะ
03/12/2009 ไปหาหมอค่ะ(โทรไปนัดไว้แล้ว)
- ตรวจเลือด
- TB Test
03/13/2009 หมอนัดไปฟังผล TB Test ค่ะ(ซึ่งต้องไปภายใน 72 ชม.หลังจากทำ)
- ผล TB Test อุ๋มออกมาเป็น Negative ค่ะ โชคดีมากค่ะ ไม่ต้องx-rayค่ะ เลยได้เอกสาร I-693 วันนี้เลย
- ฉีด MMR
- ฉีด HPV
- ฉีด Td
03/13/2009 ได้เอกสาร I-693 ค่ะ ทางเจ้าหน้าที่ใส่ในซองเรียบร้อยเลยค่ะ
>> รวมอุ๋มจ่ายไปทั้งหมด $195 + $150 = $345 ค่ะ

UPDATE!!!! : ตอนนี้ไม่ต้องฉีด HPV แล้วนะคะ ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากเลยคะ 

อ้างอิงจาก : 
Vaccinations: Starting on December 14, 2009, immunization against the Human Papillomavirus (HPV) and herpes zoster (zoster) will no longer be required. 74 Fed. Reg. 58634 (Nov. 13, 2009). Civil Surgeons who complete Form I-693 vaccination chart, Part 2.5 of Form I-693, should either:
write "no longer required" in the entries for Human Papillomavirus" and "Zoster," OR
leave these entries blank.
*Reminder: On or after January 1, 2010, the results of the medical examinations must be recorded on the October 14, 2009 edition of Form I-693. Any previous editions of Form I-693 that are submitted on or after January 1, 2010 will be rejected.

เครดิต : ดา เพื่อนที่น่ารัก ขอบคุณนะจ๊ะ สำหรับข้อมูลอัพเดทค่ะ

------------ การเตรียมเอกสารไปสัมภาษณ์กรีนการ์ดค่ะ --------------

อุ๋มได้ไปสัมภาษณ์ที่แถว Downtown LA ค่ะ เวลา 10.30 ไปถึงเวลา 10.00 ค่ะ รอประมาณ 15-20 นาที เค้าก็เรียกชื่อแล้วค่ะ

เอกสารที่เจ้าหน้าที่ขอดูตัวจริงนะคะ
- Passport ของเราและสามีค่ะ
- ID Card ของเราและสามีค่ะ (ในกรณีที่เรามีค่ะ)
- Birth Certificate ของเราและสามีค่ะ (วันนั้นอุ๋มลืมเอาตัวจริงไปค่ะ)
- Pay stub ของสามีค่ะ ก่อนวันที่ไปสัมภาษณ์ 2 เดือน
- เอกสารรับรองการทำงานของสามีค่ะ
- เอกสารการจ่าย tax ของสามีหรือ W-2 Form ค่ะ

เอกสารที่เจ้าหน้าขอเก็บไปค่ะ
- Work Permit
- Advance Parole (จากฟอร์ม I-131)
- เอกสารนัดสัมภาษณ์ (ยื่นให้กับรปภ.ด้านหน้าค่ะ แล้วเค้าจะให้เราไปรออีกห้องนึง)
- copy จากเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ต่างๆค่ะ แต่ถ้าหากเราส่งไปตั้งแต่ตอนยื่นสมัคร เค้าก็ใช้ตัวเก่าค่ะ ไม่ได้ขอเพิ่ม ตรงนี้ของอุ๋มส่งไปเยอะเลย เค้าเลยไม่ขออะไรเพิ่มเลยค่ะ

เอกสารยืนยันความสัมพันธ์ค่ะ (หากได้ส่งไปตั้งแต่ตอนยื่นสมัคร แล้วไม่มีอะไรอัพเดทหลังจากนั้น ก็ใช้อันที่ส่งไปตอนแรกค่ะ)
- รูปถ่ายค่ะ (ของอุ๋มเอาไปสามอัลบั้ม เค้าไม่ขอดูเลยค่ะ เพราะส่งไปเยอะแล้วตั้งแต่ตอนแรก)
- ประกันสุขภาพ (เจ้าหน้าเก็บสำเนาไปค่ะ)
- ประกันชีวิต
- ประกันรถ
- Joint bank account
- ใบเปลี่ยนนามสกุลจาก DMV
- เอกสารยืนยันอื่นๆตามที่เพื่อนๆมีค่ะ

อย่าลืมถ่ายสำเนาทุกเอกสารไปด้วยนะคะ แต่ถึงไม่มีสำเนา ทางเจ้าหน้าที่เค้าไปถ่ายเอกสารเองค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

------------------- Time Line --------------------

นี่เป็นตัวอย่าง Time Line ของอุ๋มค่ะ จะมาอัพเดทเรื่อยๆค่ะ
03/19/2009 - Mail all Document to USCIS
03/20/2009 - USCIS got my documents (check from website)
03/28/2009 - เงินหักออกจากบัญชี
03/31/2009 - ได้รับ NOA I-797C Receipt for I-131, I-130, I-485, I-765
04/04/2009 - ได้รับจดหมายนัด Biometrics Appointment Letter นัดวันที่ 04/18/2009 for I-485 and I-765
04/18/2009 - Done Biometrics and Took a picture for I-765
05/05/2009 - ได้รับจดหมายแจ้งวันสัมภาษณ์กรีนการ์ด นัดสัมภาษณ์วันที่ 06/16/2009 
05/20/2009 - ได้รับ Work Permit ค่ะ
05/21/2009 - ไปขอ SSN
05/29/2009 - ได้รับ SSN
06/16/2009 - Go to interview and Green Card อนุมัติค่าาา
06/17/2009 - Status online - Card production ordered
07/03/2009 - ได้รับGreen Card คะ

รวมเวลาทั้งหมด 2 เดือนกับ 27 วันค่ะ



------------ การเช็คสถานะออนไลน์ค่ะ --------------

เข้าเวบไซด์นี้เลยค่ะ https://egov.uscis.gov/cris/caseStatusSearchDisplay.do


------------ ขั้นตอนการทำ infopass --------------

viewtopic.php?f=6&t=18384&start=0
credit : Ramenjung คุณปุ๊กค่ะ


------------ USCIS FORMS --------------

http://www.uscis.gov/portal/site/uscis/ ... f3d6a1RCRD


------------ แบบฟอร์มต่างๆ --------------

>>> Green Card Cover Letter http://www.tempf.com/getfile.php?id=723755&key=4c99a3ea725ce

>>> Check List แบบแยกละเอียดแต่ละแบบฟอร์ม http://www.tempf.com/getfile.php?id=723760&key=4c99a46b3176a

>>> Affidavit in support of greencard http://www.tempf.com/getfile.php?id=723763&key=4c99a493ee78f

credit : เพื่อนดา สุดที่น่ารักค่ะ (ดาใจดี ส่งให้อุ๋มทางเมลล์เพื่อส่งต่อให้เพื่อนๆได้ใช้กันค่ะ) ขอบคุณนะจ๊ะ


หมายเหตุ
 ข้อมูลรวบรวมจากที่เพื่อนๆโพสค่ะ อุ๋มเอามาอธิบายให้เข้าใจง่ายค่ะ


Last edited by loveloveaum on Wed Sep 22, 2010 2:19 am, edited 68 times in total.

Fri Jan 09, 2009 4:47 pm