Thursday, September 30, 2010

GC-K1-2010 บุ๋มSept23,10 รับ Sept30,10 @San Francisco

เด็กหัดโพสต์
เด็กหัดโพสต์
User avatar

Joined: Mon May 25, 2009 9:49 am
Posts: 15
Location: Sebastopol, CA
Edit post Reply with quote
Post GC-K1-2010 บุ๋มSept23,10 รับ Sept30,10 @San Francisco
GC-K1-2010 บุ๋มSept23,10 รับ Sept30,10 @San Francisco

สัมภาษณ์บุ๋มเกือบ 40 นาที @San Francisco

วันนี้มีนัดสัมภาษณ์ที่ San Francisco ประมาณ 12.45 น. เรื่องอาจยาวไปนิดต้องขออภัยนะคะ เริ่มเลยนะ.... 
เราไปถึงก่อนเวลา นั่งรอสักครู่เมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์ก็มีเสียงประกาศเรียกนามสกุลของแฟนเรา ตั้งใจฟังว่าให้ไปห้องไหน... เรา 2 คน ฟังไม่ทัน (หรือไม่รู้เรื่องก็ไม่รู้)
ก็เลยเดินไปถามที่เคาน์เตอร์ที่เรายื่นเอกสาร... เจ้าหน้าที่ไม่รู้เรื่องเช่นกัน บอกให้ไปนั่งรอที่เก้าอี้ที่มันว่างๆ แฟนเราพูด Engligh ไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร... เจ้าหน้าที่ทำท่าไม่เข้าใจที่แฟนเราพูด? เขาประกาศซ้ำอีกครั้ง... เราก็ตั้งใจฟัง (โปรดตั้งใจฟัง) คราวนี้รู้แล้วให้ไปไหน เราเดินไปที่หน้าห้อง.... ก็เจอเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเอเชีย (จีน) กลางคนมาคอยรับ เรา 2 คน Say Hello, How Are You? เธอตอบกลับมาแบบไม่มีรอยยิ้ม - ไม่มองหน้า เอาแล้วเรา ยิ่งเรามีประวัติกะคนจีนนี้มาก่อน... เจอแบบนี้เครียดเลย
ไปถึงโต๊ะ.... เธอให้สาบานว่าจะพูดความจริงทุกประการ .... Yes We Do.
แล้วนั่งลง.... ก้นยังไม่ถึงเก้าอี้เธอก็เริ่มถาม (หน้าตาบึ้งตึง - ไม่มีรอยยิ้ม เพราะเธอกำลังปฏอบัติหน้าที่ของเธออยู่)
**** ทุกคำถามมึ่งตรงมาที่เราคนเดียวตลอดเกือบ 40 นาที ถามแฟน 3-4 คำถาม ****
มีเอกสาร Medical Examination ไหม - มี จากนั้น ขอดูเอกสาร ID Card ของคุณสามี , Passport ของเรา - Work Permit - ใบเปลี่ยนชื่อ - นามสกุล - ใบเกิด (ตัวจริง) เธอให้อธิบายว่าทำไมในใบเกิดของเราถึงไม่มีนามสกุลพ่อ - แม่ มีแต่ชื่อ - ใบเกิดจากไทยใส่ชื่อมารดา - บิดาเท่านั้น (ก็ตั้ง 40 ปีที่แล้ว)ไม่มีนามสกุล
ตอนนี้เราใช้นามสกุลอะไร - ออกเสียงว่าอย่างไร - เราเคยแต่งงานไหม (หันไปถามสามีด้วย) - เรามีลูกไหม (หันไปถามสามีด้วย เขาบอก 2 คน) แล้วหันมาหาเรา
ลูกเขาคนโตชื่อไร สะกดอย่างไร - เกิดวันที่เท่าไหร่ (เรารู้แต่ชื่อ-จำวันเกิดไม่ได้ ก็บอกเธอไป) คนที่ 2 ชื่อไร สะกดอย่างไร เกิดวันที่เท่าไหร่ ****ถามเรานะ****
แล้วก็ถามวัน/เดือน/ปี เกิดเราและสามี - บ้านเลขที่ปัจจุบันที่อาศัย **** ตอนนี้เธอเริ่มล่องลอย ถามคำถามซ้ำกันไปมา เหมือนมีปัญหาครอบครัวอยู่ (เดาเอานะ)
แล้วก็คำถามที่ต้องตอบ No เกือบทุกข้อ - เร็วมากกกกกกก แล้วบอกเราให้เตรียทเอกสารที่เกี่ยวกับบัญชีร่วมต่างๆ - พร้อมรูปถ่าย
แล้วธอก็หันไปถามคุณสามีเรื่องเจอเราเมื่อไหร่ - ที่ไหน - ขอแต่งงานเมื่อไหร่ - เคยเจอครอบครัว She ไหม แล้วก็หันกลับมาที่เรา ว่าเคยเจอครอบครัวเขาไหม
แต่งงานครอบครัวเรามาหรือเปล่า - เราบอกไม่ได้มา , แล้วแม่เขามาไหม - เราตอบมา แล้วก็ถามเราว่าแฟนเคยเจอครอบครัวเราไหม เราบอกเคยเจอตอนไปหาเราที่ Sydney เขาบอกมีรูปไหม โชคดีที่เราเตรียมไปด้วย เลยให้ป้าเขาดู แล้วเขาก็ถามว่าใครเป็นใครในรูป และเขียนลงบนรูปนั้นๆด้วย นี่แม่/น้องสาว/น้องชาย
แล้วก็หันไปถามแฟนเราว่า - งานอดิเรกที่ทำด้วยกันมีไรบ้าง -พาไปเที่ยวไหนบ้าง ไป Honey Moon ที่ไหน - มีแหวนแต่งงานไหม 
แล้วก็ให้เซํนต์เอกสารทั้ง 2 คน แล้วก็ตรวจเอกสารอีกรอบ ก่อนที่จะให้เอกสารใบสีขาวๆมา 1 แผ้น บอกให้คอยเช็ค mail ดู 2-4 weeks 'No Congratulation for Us' เราก็เลยงงว่า... เราผ่านไหมเนี้ย

ขออภัยหากยาวไปนิดนะคะ ..ออกมาแฟนบ่นปวดหัวเลย

สวัสดีคะ ขอร่วมแชร์ TimeLine ด้วยคนนะคะ

June 30,2010 Mailed AOS Package to Chicago Office.
July 03, 2010 Received Biometrics Appointment Letter.
Aug 10, 2010 Biometrics Done
Aug 18, 2010 Received Interview Appointment Letter.
Aug 30, 2010 Received Employment Authorization Card.
Sep 23, 2010 Interview @ San Francisco Office - Done
Sep 24, 2010 Card Approved
Sep 27, 2010 Received Welcome Notice.
Sep 30, 2010 Got 'Green Card' 

Total = 92 Days

รวมๆแล้วก็ 3 เดือนเต็มๆคะ โชคดีที่ส่งเอกสารครบตั้งแต่ครั้งแรก
ตอนไปสัมภาษณ์ก็ตอบด้วยความมั่นใจ... 

เป็นกำลังใจให้ทุกคนต่อไปคะ.... 
บุ๋ม

Thu Sep 23, 2010 7:16 pm

Monday, July 26, 2010

GC-K3-2009 วัลย์ Jul26,10 รับ 10 ปี Aug06,10 @ VA

แจมบ่อย
แจมบ่อย
User avatar

Joined: Thu Oct 22, 2009 1:06 am
Posts: 154
Location: VA
Post GC-K3-2009 วัลย์ Jul26,10 รับ 10 ปี Aug06,10 @ VA
GC-K3-2009 วัลย์ Jul26,10 รับ 10 ปี Aug06,10 @ VA

มาแล้วค่ะประสบการณ์สัมภาษณ์ ก่อนอื่นต้องเล่า Back ground ก่อนนะคะ เพื่อเป็นเคสตัวอย่างที่สมบูรณ์
- มาด้วย K3 Visa
- แต่งง่านครบ 2 ปี May,1st 2010
- ยื่นเอกสารปรับสถานะ Apr,20th 2010
- รับ NOA1 Apr,30th 2010
- พิมพ์นิ้วมือ May,17th 2010
- สัมภาษณ์ Jul,26th 2010
- เอกสารที่ยื่นขอเฉพาะ I- 485 (Application for Green card)
- สิ่งที่แนบไปกับเอกสารมีดังนี้
Enclosed please find my Form I-485, APPLICATION TO REGISTER PERMANENT RESIDENCE OR ADJUST STATUS

Contents include:
1. I-485 Application with Payment Casher’s Check) in the amount of $ 1,010.00 (Biometrics fee included)
2. I-797 Notice Of Action (Approval Notice) with I-797C Notice of Action Receipt
3. Copy of my Birth Certificate
4. 2 Passport Size Pictures With my name and A # at the back
5. Copy of my Passport (Biographical Page) and Copy of K 3 Visa with Entry Stamp
6. Copy of Form I-94 (Front and Back)
7. Copy of Marriage Certificate
8. Medical Form l-693 A ( in sealed envelope by the Civil Surgeon)
9. Form G-325A, Biographic Information
10.1-864 Affidavit of Support Under Section 213 A of the Act
11. Federal Income Tax Return including W2 and 1099 statements for the most recent tax year

- สิ่งที่ส่งไปมีเท่านี้ค่ะ ในแบบ I-693 ที่คลินิก เขาลงช่องตรวจ VDRL (Syphilis) ว่าผู้รับบริการปฎิเสธการตรวจ แต่ดิฉันมีผลตรวจจากประเทศไทยในมือ จึงถือไปด้วย
- ส่วน Tax return ของแฟน ส่งไปปีล่าสุด 2009 ปีเดียว แต่ก็เตรียม อีกสองปีหลังไปตอนวันสัมภาษณ์
- รูปถ่ายเตรียมไป 1 album
- เอกสารแสดงความสัมพันธ์ มี Joint Account , Health Insurance, ใบเสร็จจ่ายค่าซ่อมประปาลงชื่อเราจ่าย เพราะตอนนั้นแฟนไม่อยู่, บัตรสมาชิกสระว่ายน้ำของหมู่บ้านที่อยู่ ลงหมายเลขเดียวกัน
- เตรียมเอกสารตัวจริงของใบเกิด ใบทะเบียนสมรส

Tue Jul 27, 2010 1:15 pmProfile

แจมบ่อย
แจมบ่อย
User avatar

Joined: Thu Oct 22, 2009 1:06 am
Posts: 154
Location: VA
Post Re: ประสบการณ์สัมภาษณ์กรีนการ์ด “วัลย์” Jul,26
วันสัมภาษณ์ เวลานัด 10.45 น.
- ไปถึง 9.30 น. ตรวจสิ่งของก่อนเข้า แล้วไปยื่นใบนัด นั่งรอ ได้เข้าสัมภาษณ์เวลา 10.25 น.
- สัมภาษณ์กับผู้หญิงวัยกลางคนผิวดำ ท่าทางใจดี เป็นมิตร
- ยกมือสาบานว่าจะพูดความจริงแล้วก็นั่งลง (ยังไม่ได้ยื่นเอกสารที่เตรียมไป) แล้วเจ้าหน้าที่ขอดู passport เรา ขอดูใบขับขี่แฟน
- ถามแฟน ก่อน
1. วันเกิดภรรยาคุณวันที่เท่าไหร่
2. เกิดที่ไหน
3. การแต่งงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกของทั้งสองคนใช่มั๊ย (ตอบพร้อมกัน ใช่)
4. ถามคำถามที่ต้องตอบ No ในแบบฟอร์ม คำถามแรกแฟนตอบ No พร้อมกันกับเรา เขาเลยยิ้มแล้วว่า แฟนคุณ Smart เขารู้ว่าถึงคิวเขาตอบ จากนั้นเราก็ตอบ No คนเดียว จนจบ
5. ถามเราว่าทำงานรึยัง ตอบว่ายังเพราะยังไม่มีสิทธิ์ทำงาน แล้วก็บอกว่ายังไม่พร้อมด้วยแหละ เจ้าหน้าที่เลยว่าเรา Trick ไม่อยากทำงานล่ะสิ แล้วยิ้ม
- จบคำถามแค่นี้ แล้วเจ้าหน้าที่ก็เปิดดูเอกสารในแฟ้มกลับไปกลับมา แล้วก็บอกว่ารอเดี๋ยวนะ ลุกเดินออกจากห้องไป ก่อนออกจากห้องหันมาบอกว่า มีอะไรที่จะให้เขาดูเพิ่มเติม เอาออกมาวางไว้บนโต๊ะเลยนะ แล้วก็หายไปประมาณ 10 นาที
- เจ้าหน้าที่กลับเข้ามา แล้วก็ยกหูโทรศัพท์ หาใครบางคนสองครั้ง ก็ไม่มีคนรับ เลย เปิดเอกสารเราดูอีกรอบ แล้วก็ถามว่าได้ตรวจ VDRL รึเปล่า เห็นในฟอร์มบอกว่าเราปฎิเสธ เราก็เลยว่ามีผลเก่าภายใน 1 ปี เลยไม่ได้ตรวจ ผลเตรียมมาอยู่ในกระเป๋า เขาเลยว่าเขาก็มีผลนะ แต่หาไม่เจอ เดี๋ยวไปหาอีกที หายไปอีก 5 นาที แล้วกลับมาว่าเจอแล้ว เป็นอันว่ารอด
- ทีนี้ก็มาดูเอกสารที่จะให้เขาดูเพิ่มมีอะไรบ้าง เรากองไว้บนโต๊ะ เป็น สามกอง กองแรกใบตัวจริง ต่าง ๆ กองสองใบ Joint ต่าง ๆ กองสามรูปถ่าย เขาหยิบใบ Joint ต่าง ๆ ไปหมด เอาไปเก็บในแฟ้ม ดูแล้วก็ไม่ได้อ่านรายละเอียดเลย ดูแต่หัวกระดาษแล้วก็เก็บเข้าแฟ้ม
- แล้วก็เอา Album รูปมาเปิดดู ช่วงดูรูป ก็ชวนพูดคุย ไปเรื่อย ๆ ช่วงนี้ไม่ใช่คำถามแต่เป็นการชวนคุย เขาก็คุยเรื่องครอบครัวเขาเยอะด้วย คุยกับแฟนเรา พูดคุย หัวเราะ เป็นกันเอง เรานั่งฟัง หลังจากนั้นก็ เช็คเอกสารอีกรอบ แล้วก็ลงข้อมูลในคอม Scan ฟอร์มเรา แล้วก็บอกว่า เราได้กรันการ์ด 10 ปี จะได้รับทางจดหมายภายใน 2 สัปดาห์
- กล่าวขอบคุณแล้วก็อำลา (สรุปรวมเวลาสัมภาษณ์ 30 นาที เวลาเดินไปเดินมาของเจ้าหน้าที่ 15 นาที :D )


Last edited by wilawansuit on Tue Jul 27, 2010 1:50 pm, edited 2 times in total. 
Tue Jul 27, 2010 1:18 pm

GC-K3-2009 อุ้ย Jul26,10 ได้ 10 ปี @ GA

แจมบ่อย
แจมบ่อย
User avatar

Joined: Tue Apr 29, 2008 2:59 am
Posts: 487
Location: TN.
อยากจะรบกวนถามเพื่อนๆพี่ๆ ว่า ใบนัดสัมภาษณ์กรีนการ์ด เพื่อนๆเป็นแบบเดียวกันกับอุ้ยไหม เจ้าหน้าที่เขา รีสรายละเอียดเอกสารที่ให้นำไปในวันสัมภาษณ์มา คือหมายถึงให้ถือไปเผื่อ หรือว่าเขาต้องการตามนั้นทั้งหมดเลย เพราะตอนส่งเอกสารปรับสถานะ เอกสารทุกอย่างที่เขาขอมา อุ้ยก็ส่งไปหมดแล้ว คือแบบว่าจิตตกนะค่ะ กลัวว่าจะมีปัญหาอะไหรือเปล่า ^:)^ ^:)^ ^:)^

Image


Last edited by Lilly on Tue Jul 27, 2010 4:24 am, edited 1 time in total. 


แจมบ่อย
แจมบ่อย
User avatar

Joined: Tue Apr 29, 2008 2:59 am
Posts: 487
Location: TN.
Post GC-K3-2009 อุ้ย Jul26,10 ได้ 10 ปี @ GA
GC-K3-2009 อุ้ย Jul26,10 ได้ 10 ปี @ GA

Dec23,2009 :ส่งเอกสาร
Jan09, 2010 :เอกสารตีกลับ
Jan23, 2010 : ส่งเอกสารรอบ2 พร้อมเช็คเอกสารแบบละเอียดสุดๆๆ
Jan25, 2010 : USCISได้รับเอกสาร
Feb11,2010: ได้รับNOA
Feb15,2010: ไดรับใบนัดพิมพ์ลายนิ้มมือ
Feb25,2010: ไปพิมพ์ลายนิ้วมือ
Mar1,2010: ได้รับจดหมายขอเอกสารเพิ่ม
Mar 8-12,2010: นัดหมอ ไปหาหมอ ทำเทสสะกิน ไปเอ็กสเรย์
Mar13,2010: ส่งเอกสารที่USCIS ขอเพิ่ม
Apr01,2010: เคสแจ้งย้ายไปCA.
Apr 20,2010 ได้รับ work permit
Apr23,2010 ไปขอSSN
May03,2010: ได้รับSSN
Jun01,2010: เคสแจ้งย้ายจาก CA ไป NBC
July01,2010: ได้รับใบนัดสัมภาษณ์ วันที่26 กค.
July 26, 2010: สัมภษณ์ผ่าน รอรับกรีนการ์ด 10ปีที่บ้านจ๊ะ
Aug 17,2010:ได้รับกรีนการ์ค่ะ
****ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่แนท ที่ให้ความช่วยเหลืออุ้ยมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มยื่นเรื่องขอวีซ่าที่ไทย จนได้วีซ่าและได้เดินทางมาอเมริกา และมีคำตอบให้ตลอดไม่ว่าน้องคนนี้จะถามอะไรเกี่ยวกับวีซ่า 
หรือกรีนการ์ด ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเวีปไซ้ร์ดีๆเว๊ปนี้ ขอขอบคุณบ้านแสนอันอบอุ่นหลังนี้ ที่ทำให้อุ้ยได้รับความรู้มากมายทัง้เรื่องวีซ่า กรีนการ์ด การดำเนินชีวิต ความรู้ต่างๆมากมายหลากหลายที่หาที่ไหนไม่ได้ 
และขอบคุณบ้านอันอบอุ่นหลังนี้ที่นำพาอุ้ยได้มารู้จักและมิตรภาพที่ดีดีจากพี่ๆ เพื่อนๆในบ้านอับอบอุ่นหลังนี้ค่ะ



ขั้นตอนการสัมภาษณ์
นัดตอน7.30น.ของวันจันทรืที่26กค.ค่ะ แต่ไปถึง7โมงเช้ ก็ยื่นเอกสารและรอเรียกชื่อ รอประมาณ 1ชม. คนที่มาพร้อมอุ้ยและมาไล่ๆกันก็โดนเรียกเข้าห้องกันหมดแล้ว เหลือแต่อุ้ยกะแฟนที่นั่งอยู่ค่ะ
นั่งหลับก็แล้ว นั่งนับเก้าอี้ก็แล้ว(มีเก้าอี้สำหรับนั่งรองทั้งหมด 200ตัวพอดิบพอดี คริๆๆ นับมาแล้วค่ะ) แฟนอุ้ยก็มีการพูดปลอบใจ สงสัยเขาไปนั่งสะกดชื่อเธออยู่ เพราะชื่อเธอมันอ่านอยาก ฝรั่งออกเสียงไม่ถูก
เดียวเขาอ่านได้แล้วเขาคงมาเรียกชื่อเธฮฮ่ะนะ ให้เวลาเจ้าหน้าที่เขาหน่อย อันนี้ไม่รู้ดปลอบใจเมีย หรือพูดปลอบใจตัวเอง คริๆๆ สักประมาณ8โมงกว่าๆ ก็มีคนชุดใหม่ทยอยเข้ามานั่งจนเต็ม มองหน้ามองหลัง
ทำไหมคนที่มาพร้อมเราเขาหายไปกันหมดแล้วหว่า ง่วนนอนก็งวนนอน เพราะตื่นกันแต่เช้า สักพักประมาณ 8.20น. ได้ยินเสียเรียก นามสกุล ก็เลยยื่นขึ้น มองไปตามเสียงที่เรียก คุณป้าผิวสีดำ อายุประมาณ 45-50ปีค่ะ
ยื่นรออยู่ หน้าตาดูขรึมๆเหมือนคุณครูเลย เจ้าหน้าที่กล่วทักทาย แล้วบอกให้เดินตามเข้าไปข้างใน 
เจ้าหน้าที่ : ยื่นก่อนค่ะอย่างพึ่งนั่ง
แฟน OK. OK.
เจ้าหน้าที่ : ยกมือขวาขึ้น กล่างสาบานว่าจะพูดแต่ความจริง 
แฟน+อุ้ย : YES
เจ้าหน้าที่ : เสร็จเจ้าหน้าที่ให้นั่งลง และเริ่มถามแฟนว่า เปลี่ยนชื่อมาหรอ
แฟน : ใช่
เจ้าหน้าที่ : ขอดูเอกสารเปลี่ยนชื่อด้วย
แฟน : ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ :อืม!! OK บ้านเลขที่นี้ใช่ไหม บลา บลา.....
แฟน :ใช่
เจ้าหน้าที่ : หันมาถามอุ้ย ถามหาพาสปอตน์ ใบขับขี่ ใบอนุญาติทำงาน ใบSSN และเริ่มถาม ว-ด-ป เกิด 
อุ้ย :ตอบไป บลา บลา...
เจ้าหน้าที่ : แต่งงานมากกี่ครั้ง หย่ากี่ครั้ง มีลูกไหม
อุ้ย : 1ครั้ง ไม่มีบุตรค่ะ
เจ้าหน้าที่ : ขอดูเอกสารหย่าด้วย
อุ้ย : นึกในใจ ในแฟ้มที่เปิดดูอยู่ก็มี ทำไหมต้องถามหาด้วย พร้อมกับหยิบเอกสารให้เจ้าหน้าที่ และยื่นให้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับเอา อุ้ยเลยวางเอาไว้บน โต๊ะตรงหน้า เจ้าหน้าที่มองด้วยหางตาและสักพักหนึ่งก็บกว่า ไม่เอาแล้ว เก็บได้
เจ้าหน้าที่ : บอกบ้านเลขที่ ที่อยู่ด้วย พร้อมเบอร์โทร
อุ้ย : ก็บอกไป บลา บลา....
เจ้าหน้าที่ : เข้ามาอเมริกาครั้งล่สุดเมื่อไหร่ ผ่านตม.ที่ไหน
อุ้ย : 4 ตุลา 2009 ผ่านตม.ที่สนมบินแอตแลนต้า
เจ้าหน้าที่ :ถ้าคำถามที่ตอบNO ทั้งหมดค่ะ ถ้ามไป ติ๊กด้วยปากกาแดงไป และถามต่อว่ามีเอกสารอะไรที่จะให้เพิ่มเติมใหม ส่งใส่เห็นอุ้ยหิ้วมาเยอะ เลยถามมั่งค่ะ
อุ้ย : ยื่นเอกสารชื่อร่วมธนาคารสำหรับเช็ค ATM, ชื่อร่วมบัญชีเงินเก็บ, และเอกสารการซื้อรถ(ผ่อน) ชื่อร่วมเหมือนกันค่ะ 
เจ้าหน้าที่ : ขอไปถ่ายเอกสาร ทั้งหมดเลย รวมทั้งบัตรต่างๆของอุ้ยด้วย สักพักเดินกลับเข้าห้องมา และบอกว่า ประมาณ 30-45วันจะส่งกรีนการ์ดไปให้ที่บ้านนะ และเป็นกรีนกราด 10ปี 
เพราะคุณแต่งาน เกิน2ปี เดี๋ยวฉันจะอัฟเดทเครสคุณให้ว่าทุกอย่างผ่านหมดแล้ว 


และ คุณแต่งงาน เกิน 2ปี วันที่ 26กันยายนนี้ จะครบ 3ปี (เจ้าหน้าที่พุดพร้อมกับเปิดดูแฟ้มเอกสารอุ้ย)หลังจากแต่งงานครบ 3ปี คุณมีสิทธิ์ยื่นเรื่องขอซิติเซนได้เลย มีอะไรสงสัยไหม เสร็จแล้ว กลับได้

อุ้ยเดินออกมาแบบงงๆค่ :-? ะ(งองูเต็มเลย กับประโยคสุดท้ายของเจ้าหน้าที่) ตกลง ใครง่วนนอนกันแน่นเนี้ย เจ้าหน้าที่ หรืออุ้ยกะแฟน พอลงมาถึงลานจอดรถ เลยถามแฟน
ทวนคำพูดเจ้าหน้าที่อีกครั้งว่ เขาพูดแบบนี้ใช่ไหม มันหมายถึงแบบนี้ใช่ไหม แฟนบอกว่าใช่ ฉันก็ได้ยินเหมือนกันกับเธอนั้นแหล่ะ

พี่ๆเพื่อนๆค่ะคือคำพูดสุดท้ายเนี้ย อุ้ยงงมาเลยค่ะที่ว่า หลังจากแต่งงานครบ 3ปี ยื่นเรื่องขอสอบซิติเซนได้เลยหรือค่ะ อุ้ยไม่เคยได้ยินนะค่ะ ตกลงมันได้จริงหรอค่ะ คือแบบว่า ตอนนี้อุ้ยกะแฟน
ค้นหาข้อมูลกันใหญ่เลย เพื่อที่จะเอามายื่นยันกับคำพูดที่เจ้าหน้าที่พูดนะค่ะ ^:)^ ^:)^


Last edited by Lilly on Thu Aug 19, 2010 3:28 am, edited 1 time in total. 
Tue Jul 27, 2010 4:38 am

Wednesday, July 14, 2010

GC-K1/K2-2010 แพรว Jul14,10 อนุมัติ @San Francisco

แจมบ่อย
แจมบ่อย
User avatar

Joined: Fri Feb 19, 2010 7:32 pm
Posts: 236
Location: USA
Edit post Reply with quote
Post GC-K1/K2-2010 แพรว Jul14,10 อนุมัติ @San Francisco
GC-K1/K2-2010 แพรว Jul14,10 อนุมัติ @San Francisco

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวเว็ปทั้งหลาย เมื่อวาน ไปสัมภาษณ์กรีนการ์ดมา ที่ ซานฟาซิสโก ค่ะ นัด 8.25 และ ลูก 9.30
เข้าไปก็รอไม่นานหรอกค่ะ เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เป็นชาวฟิลิปปินส์ผู้ชาย เรื่องมันตื่นเต้นมากค่ะ 
เข้าไปก็เข้ายืนสาบานว่าจะพูดแต่ความจริง เขาขอใบเกิดเราเลย เพราะเรายื่นใบรับรองเกิดอย่างเดียว แต่เราบอกว่าไม่มี แต่พี่แกจะเอา แล้วก็ยื่นเงื่อนไขไห้อ่าน เอาแล้วซิ 

แต่โชคดี ที่มีซากเก่าๆพังๆของใบเกิดและแปลเล่นๆติดมือไปด้วย พี่แกก็โอเคนะ แต่ไม่รู้หรอกว่าแปลถูกไหม เพราะพี่แกไม่อ่านเลย เก็บใส่แฟ้ม 

เจ้าหน้าที่ ถามดิฉันก็ตามประสบการณ์เพื่อนๆค่ะไม่มาก เข้าอเมริการกี่ครั้ง, ล่าสุดวันไหน ,ที่อยู่ที่อเมริการ, อาศัยอยู่กับใครบ้าง ,แต่งงานกี่ครั้ง , ดิฉันยังไม่เคยแต่งงานแต่มีลูก เขาถามว่าทำไมมีลูก เลยบอกว่าจากบอยเฟรน แล้วก็ถามที่ต้องตอบ No ตอนแรกก็กลัวตรงคำถามนี่หล่ะค่ะ เพราะกลัวจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่พอดีพี่แก กางเอกสารอ่าน ก็เลยไม่ฟังเลย รู้แต่ว่าพอจบก็ตอบ No ประมาณ ห้าข้อค่ะ 

จากนั้นก็ถามแฟน ว่าแต่งงานกี่ครั้ง พี่แกบอกว่า สองตามเอกสารที่ยื่นไป แต่ความจริงคือ สี่ครั้ง แล้ว แล้วก็ถามแฟนว่ามีลูกกี่ คน ขอใบเกิด พี่แกแบนความสนใจไปที่สามีดิฉันเลยค่ะ เพราะใบหย่าที่ยื่นมันไม่ใช่มารดาของลูก แกถามสามีว่า แม่เด็กชื่ออะไร ได้อย่าไหม พี่แกบอก yesss เจ้าหน้าที่มีอาการเคืองค่ะและขอดูใบอย่า คุณบอกว่าอย่ามาสองครั้งในเอกสาร แต่นี่มัน สามครั้ง (แต่ที่จริงสี่ครั้งค่ะยังเป็นความลับอยู่ค่ะ) แล้วถามตองแรกก็ยืนยันว่า สอง โกหก โกหก ดิฉันตกใจแล้วค่ะ บอกแล้วว่าให้บอกความจริงแต่แรก 

แต่สามีดิฉันห่วงในเอกสารที่ยื่นเพราะกรอกไปแค่สองครั้งล่าสุด ทำไมคุณโกหก เจ้าหน้าที่ถาม สามีบอกไม่ได้โกหก แต่ในเอกสารมันมีพื่นที่ให้กรอกแค่ สองครั้งเลยนึกว่า เอาแค่สองครั้งล่าสุด 

เจ้าหน้าที่ถามแล้วทำไมถึงยืนยันว่าสองครั้ง แล้วถ้าช่องมันมีให้กรอกสองครั้งคุณก็ต้องเขียนจดหมาแนบแล้วสอดใส่ไว้ สามีเถียงค่ะ ก็มันไม่มีเนาะนำไว้ ควรจะเนาะนำไว้ ดิฉันอยากจะกัดคอเลยค่ะ แล้วเจ้าหน้าทีก็ใส่สามีอีก เรื่องโกหก สามีก็พูดเหมือนกะทะเลาะกัน ค่ะ แต่ดูสามีดิฉันมีเหตุผล เจ้าหน้าที่ก็ดูไม่พอใจแต่ก็สงบค่ะ อย่าโกหกอีก เจ้าหน้าที่บอก

มันมีปัญหาอีกค่ะ เพราะในใบหย่าล่าสุดของสามี คือ แฟนคนไทย และทำการปรับสถานะเหมือนกัน แต่หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันไม่ถึงสองเดือนก็เกิดเลิกลา ด้วยเหตุผลใดๆ ค่ะ สามีส่งหญิงไทยกลับประเทศ แต่หลังจากนั้น มีจดหมายนัดสัมภาษณ์ มาพี่แกไม่ใส่ใจเพราะผู้หญิงได้กลับประเทศไปแล้ว ก็ไม่ได้ไปสัมภาษณ์ค่ะ 

แล้วทาง uscis ก็ส่งจดหมายแจ้งว่า คุณผิดนัดสัมภาษณ์ สามีก็ไม่ใส่ใจ แต่หลังจากนั้น ก็มีจดหมายมาอีกค่ะ ว่า ใ้ห้หญิงคนนั้นออกนอกประเทศภายใน 30 วัน ค่ะ สามีเลยเขียน จดหมายแจ้งไปว่าได้ส่งกลับประเทศไปแล้ว แต่ไม่เคยติดต่อทาง uscis ว่าได้รับจดหมายไหม 

พอดีเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ บอกว่า ส่งเธอกลับไทยเพราะ uscis สั่ง แต่สามีบอกว่า ส่งกลับก่อนวันนัดสัมภาษณ์ เพราะเข้ากันไม่ได้ แล้วก็โชคดีที่มีเอกสารยื่นยัน ซื้อตั๋วเครื่องบิน และ วันเวลา ก็อบปี้ให้เจ้าหน้าที่ค่ะ แล้วก็ถามสามมีเยอะมาก ดิฉันก็ฟังไม่ออกหรอกค่ะพูดเร็วและซีเรียส ในใจก็คิดว่า ทำไมไม่ถามอะไรเราเยอะกว่านี้อุตสาท่องมาซะเยอะเลย 

หลังจากสงครามสงบ พี่แกบอกว่าเอาหล่ะ ดูทาทางลูกดิฉันจะอึดอัดเลยหันไปถามลูก เข้าเรียนยัง ลูกตอบ yes มาอเมริกากี่ครั้ง ลูกตอบ yes แค่นั้นหล่ะค่ะ 
แล้วเจ้าหน้าที่ก็ขอ เอกสาร Joint bill bank paystub photo เราก็เตรียมไปทุกอย่า ค่ะ ครบ และยื่นก็อบปี้ให้เจ้าหน้าที่ค่ะ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ดูเลยค่ะ เก็บเข้าแฟ้มอย่างเดียว แล้วก็ขอ tax return W2 ของสามี ค่ะ 

เจ้าหน้าที่ อ่าน tax return แล้วเจอชื่อร่วม ของแฟนเก่าอีกคน เอาแล้วซินึกว่าจะจบ นี่ชื่อแฟนอีกคนใช่ไหม และมี ชื่อเด็กคือใคร สามีบอกว่า เป็นลูกชายของแฟนเก่่า เจ้าหน้าที่ก็ ok โล่งอกค่ะ 

แล้วเจ้าหน้าที่ก็ยื่นเอกสารสี ขาวให้ สองแผ่นทีแจ้งว่า รอติดต่อ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องเช็ค เกี่ยวกับแฟนคนไทยคนก่อน ว่ามีการกลับประเทศก่อนวัน นัดสัมภาษณ์ไหมและจะหาจดหมายทีสามีบอกว่า เขียนแจ้งไปยัง uscis โอ้แม่เจ้ามันห้าปีที่แล้ว นึกแล้วเชียว 

ขับรถถึงบ้านประมาณ 11 pm กลับบ้าน สามีดิฉันไม่พูดไม่ จา กินก็ไม่ได้ เงียบเลยค่ะ เพราะสามีคิดว่า ดิฉันอยากจะเครียดแต่ก็เครียดไม่ออก เพราะดูสามีเครียดเกินพอ ก็ได้แต่ปลอบเดี๋ยวก็ดีเอง เดี๋ยวเขาก็ติดต่อมา เฮ่อเวรกรรม

แต่มันมีเรื่อง ที่ไม่รู้ว่าจะดีใจไหมค่ะ ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่าค่ะ ประมาณ สามทุ่ม มีข้อคามจาก uscis ว่ามีการอับเดท สถานะ ในเว็บ uscis ค่ะและอีเมล์มาให้ค่ะ เมื่อเข้าไปดู ข้อคามว่าอย่างนี้ ค่ะ

Document production or Oath Ceremony

On July 14, 2010, we ordered production of your new card. Please allow 30 days for your card to be mailed to you. If we need something from you we will contact you. If you move before you receive the card, call customer service at 1-800-375-5283.

This step applies to applications that result in an applicant receiving a card (such as a green card) or other document (such as a naturalization certificate, refugee travel documents or advance parole). Applications will be in this step from the time the order to produce the card/document is given until the card/document is produced and mailed to the applicant. You can expect to receive your card/document within 30 days of the approval of your application.

ดิฉันเข้าใจว่ากรีนการ์ดอนุมัติใช่ไหมค่ะ สามีดิฉันร้องให้เลยค่ะ 
แต่ดิฉันไม่มั่นใจ มันคือการอนุมัติกรีนการ์ดใช่ไหมค่ะ 
Praw


Last edited by Praw on Thu Jul 15, 2010 4:51 pm, edited 1 time in total.

Thu Jul 15, 2010 11:07 am

Monday, April 5, 2010

GC-K1-2010 tooookta Apr05,10 ผ่านแล้วค่ะ

เด็กหัดโพสต์
เด็กหัดโพสต์
User avatar

Joined: Mon Jun 22, 2009 1:27 pm
Posts: 11
Post GC-K1-2010 tooookta Apr05,10 ผ่านแล้วค่ะ
อันนี้เป็นอีเมลล์ที่เมลล์ให้พี่ๆอ่าน เลยอยากเอามาแชร์ให้เพื่อนๆห้องนี้ฟังค่ะ
เก็บไว้เป็นอุทธาหรณ์ สำหรับคนที่อาจจะต้องมาอยู่คอรบครัวใหญ่ แล้วต้องเจอปัญหาแบบนี้ค่ะ
ใช่ว่า เราไม่รู้นะคะว่าต้องเอาเอกสารอะไรไปยื่น แต่เราไม่มีสิทธิได้ทำเอกสารพวกนั้นขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไรๆหลายอย่างค่ะ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 5 เมษายน 2010 ค่ะ เรื่องอาจจะฟังงงๆหน่อยนะคะ เพราะเขียนตอนงงๆ
....................................................................................
เห็นหัวข้อแล้วแปลกใจใช่ปะ แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
หนูร้องให้เลยล่ะพี่ ร้องมันตรงนั้นนั่นแหละ หนูไม่พูดอะไรเลย ดราม่ามันตรงนั้นเลย

หนูจะเล่าเฉพาะที่มันเป็นประเด็นที่ไม่ราบรื่นให้ฟังนะพี่
ที่ตอบได้แบบเคลียร์ ข้ามแล้วกัน

ตอนแรกถามว่า จ้างทนายทำเอกสารไหม ....แฟนบอกว่าไม่ แถมยาวไปอีกว่าหนูจบกฎหมายมา ก็น่าจะทำได้เลยไม่อยากจ้างทนาย

..หลังจากกลับเมืองไทยไปแล้ว ได้ไปเรียนที่เมืองไทยหรือเปล่า ก็ตอบว่าไม่
ถามต่อว่า พอกลับจากอเมริกาแล้ว ได้กลับมาเรียนที่นี่อีกหรือเปล่า ....งงคำถามมาก แต่ก็ตอบว่าเปล่า
เขาก็ถามว่าทำไมไม่เรียน ก็บอกว่า ก่อนมาที่นี่เรียนจบแล้ว แต่ตอนขอวีซ่ามายังเป็นนักเรียนอยู่เลยได้วีซ่านักเรียน
พี่แกก็เริ่มงง แล้วบลาๆๆใส่เรา ว่าขอวีซ่านักเรียนไม่เรียนได้ไง บลาๆๆๆ
หนูก็เลยบอกว่า คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า หนูมาที่อเมริกาครั้งแรก มาอินเทิร์นชิบ ไม่ได้มาวีซ่านักเรียน
หนูถือเจวัน ไม่ใช่เอฟวัน พี่แกก้อ๋อๆๆ แล้วก้บอกว่าเห็นตรงนี้เขียนเหมือนตัวเอฟ (พร้อมกับชี้ไปที่ตราวประทับที่ ตม.เขียน)
หนูก็เลยชี้ไปที่หน้าวีซ่า แล้วก็บอกว่า เจวัน

เจอกันยังไง ตั้งแต่เมื่อไร...........ทำงานที่เดียวกัน

ถามแฟนว่า นี่แต่งงานรอบสองใช่ไหม
ใช่ เขาถามเรื่องตอนแต่งงานครั้งแรกว่า ทำไมถึงหย่า (ครั้งแรกแต่งกับเพื่อนเขานาน 6 ปี ไม่ได้แต่งจริง)
เขาก็ขอเอกสารการหย่า (หย่ากันตอน ตุลา ปี 07)
แฟนตอบว่า ตอนแรกทำงานร้านอาหารด้วยกัน จากนั้นภรรยาเก่าได้งานที่เมืองจีน
เลยไปๆมาๆ ช่วงหลังๆ ทำงานบริษัทไปมาลำบาก ก็เลยไม่ค่อยได้กลับมาที่อเมริกา

เจ้าหน้าที่ก็ย้ำว่าว่า อยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงตัดสินใจหย่า ไม่ได้อยากฟังเรื่องสั้นคุณก่อนหย่า
แฟนเลยบอกว่าเขาไม่ชอบสถาณการณ์ที่ต้องแยกจากกันเวลาแต่งงาน
เขาไปอยู่เมืองจีนสามปี พยายามอยู่ที่นู่น แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะเขาเรียนไม่จบอะไรเลยสักอย่าง
ทำให้ทำงานที่นู่นลำบาก เลยตัดสินใจแยกทางกัน และตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานใหม่แล้ว

จนท... ภรรยาเก่าคุณทำงานได้เงินเดือนเท่าไร
แฟน....ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะว่าเขากับภรรยาเก่าไม่ได้เปิดบัญชีร่วมกัน
ครอบครัวเขาค่อนข้าง independent พ่อกับแม่ก็แยกบัญชีกัน

จนท. คุณเคยไปเมืองไทยไหม
แฟน เคย เคยพามแม่ไปพบกับครอบครัวหนูที่เมืองไทย พร้อมกับยื่นอัลบั้มรูปให้ดู แต่ จนท. ไม่ดู
เขาบอกว่ามีแล้ว

จัดพิธีแต่งงานที่เมืองไทยหรือเปล่า........ไม่
แล้วที่นี่ล่ะ....ไม่ แค่ไปจดทะเบียนกัน ไม่ได้จัดงานเลี้ยงอะไร
มีคนในครอบครัวไปร่วมเป็นพยานหรือเปล่า...ไปกันแค่สองคน
ทำไมไม่จัดงานแต่งงานอะไรเลย มันดูแปลกๆนะ หนูก็อายุยังน้อย น่าจะอยากแต่งชุดเจ้าสาวบ้าง
แฟนก็บอกว่าแต่งงานกับคนไทยต้องใช้เงินเยอะ เลยต้องมาเก็บเงินกันก่อน แล้วจะกลับไปจัดให้ คิดว่าน่าจะปลายปีนี้

แล้วครอบครัวคุณรู้สึกยังไงกับแฟน
หนู....ก็ตอบเลี่ยงไปว่า ไม่ค่อยชอบมากสักเท่าไร เพราะว่าครอบครัวอยากให้อยู่เมืองไทยมากกว่า
ไม่อยากให้หนูมาที่นี่ เขาคิดว่าแฟนเป็นคนที่พรากลูกไปจากพวกเขา
จนท. แต่ก่อนนี้ก็ให้มานี่ คุณถึงได้มาเจอกันแล้วจะบอกว่าไม่ชอบให้มาที่นี่ได้ยังไง
หนู...ตอนนั้นมันชั่วคราว ตอนนี้ต้องมานานๆ ไม่รู้เมื่อไรได้กลับ (คิดในใจ ไม่น่าได้สัมภาษณ์กับคนเอเชียเลย......รู้ดีเหลือเกิน )
จนท. นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เกี่ยวกับแฟนคุณ มันเป็นเพราะว่า เขาไม่อยากแยกจากคุณต่างหาก
หนู...เขาคิดว่าแฟนอาจจะดูแลหนูได้ไม่ดี เพราะอย่างที่คุณทราบ แฟนหนูไม่ได้จบปริญญา และตอนนั้นงานไม่มั่นคง
จนท.. พลิกดูรายได้ แฟนคุณก็ Make good money นี่นาทำไมคิดว่าจะดูแลไม่ดี
หนูเลยบอกว่า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่พอแม่เป็นครูทั้งคู่ เลยเห็นความสำคัญเรื่องการศึกษา เขาเลยกังวล

แล้วครอบครัวคุณล่ะ คิดยังไงกับ แฟนก็บอกว่าดี แม่เขาเป็นคนง่ายๆ
ทุกวันนี้ก็อยู่ด้วยกัน แล้วก็บลาๆๆๆๆ เรื่องรักเรื่องชัง ในครอบครัวต่อ

จนท. คุณมีเอกสารความสัมพันธ์ไหม
หนูก็ยื่นรูปไปให้ดู เป็นรูปที่ไปลาสเวกัส ไปแคนยอน ไปเที่ยวทะเล
ไปดิสนีย์แลน ไปเที่ยวปีใหม่ ที่สวนสัตว์ ประมาณที่ละสองสามรูป

มีเอกสารอื่นๆไหมที่ยืนยันว่าคุณอาศัยอยู่ที่นี่
หนูก็มีพวกจดหมายของฟิสเนต ที่แจ้งเตือน เช็คที่ขอคืนภาษีของปีก่อนที่ส่งมาที่บ้าน และก็พวกซองที่จ่าหน้าถึงหนูอีกสองอัน

เขาก็ถามหาเอกสารที่เป็นชื่อร่วมกัน พวกบิล บัญชีธนาคาร
หนูก็บอกว่าไม่มีบิลหรอก เขาก็ถามว่าไม่จ่ายบิลหรอ
ก็บอกว่าพี่สาวแฟนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด

บัญชีธนาคาร........หนูก็บอกว่าหนูมีบัญชีส่วนตัวเปิดไว้ตั้งแต่ยังไม่รู้จักกัน เลยไม่ได้เปลี่ยน
ส่วนแฟนเขาเปิดกับพี่สาว แล้วเขาก็เปิดไปดูสเตทเม้นที่เรายื่น จนท.ก็ว่านี่ก็ฟังดูดี แต่เป็นสามีภรรยากัน
มันควรจะมี

ถามเรื่องเงินเดือนของแฟน.....แฟนบอกว่าฝากไว้ในบัญชีครอบครัวหมด เพราะพี่สาวเขาดูแลเรื่องบิล
ถามเรื่องบิลค่าใช้จ่ายหนูว่ามีอันไหนของหนูบ้าง ......ก็บอกว่าหนูไม่มีบิล เพราะหนูใช้เงินสดจ่ายหมด พวกค่าน้ำไฟของที่บ้านพี่สาวแฟนดูแล
แฟนก็เสริมว่า เงินนั้นเขาไปทำพาทไทม์มา แล้วได้ทิป เขาก็ให้หนูหมด เขาไม่มีสักบาท
เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า มันไม่มีหลักฐาน พ่อแม่หนูอาจจะโอนมาให้ก็ได้

ให้เงินพี่หมดแล้วบ้านไม่ต้องเช่าหรอ......ตอบว่าอยู่กับครอบครัว เราไม่ต้องจ่ายเงิน เพราะเงินเดือนแฟนทั้งหมดใส่บัญชีครอบครัว
ไปแล้ว เราเลยไม่ต้องจ่ายอีก

ถามว่าบ้านนั้นเป็นของใคร.........ก็บอกว่าของครอบครัว

ถามว่ามีประกันชีวิตไหม...แฟนตอบว่ามี
เป็นชื่อใคร.....แฟนบอกว่าเป็นชื่อครอบครัวเขา
เขาก็ถามต่อว่า แล้วหนูอยู่ส่วนไหนของครอบครัว ไม่มีมาโชว์เลย
แฟนก็ว่าก็อยู่บ้านเดียวกัน เขาก็ดูแลหนู เรื่องกินอยู่ก็รวมกันหมด

จนท....ก็เลยสรุปว่า ทุกอย่างของแฟนเป็นของครอบครัวหมด แต่ครอบครัวที่เขาพูดถึง มันไม่เคยมีหนูรวมอยู่ด้วยเลย
เงิน ประกันชีวิต ไม่มีอะไรที่โชว์ว่ามีหนูร่วมอยู่ในคำว่าครอบครัวที่เขาพูดถึงเลย

แฟนก็ตอบว่า ก็ครอบครัวของเขาอยู่แบบนี้กันมานานแล้ว ประกันชีวิตก็ทำมานานแล้ว
เขาไม่อยากเปลี่ยน ส่วนเรื่องเงินก็ให้พี่สาวดูแลไปก็สะดวกดี

จนท. เลยบอกว่า แฟนไม่ไว้ใจหนู
แฟนบอกว่า ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่ครอบครัวเขาอยู่กันแบบนี้มานานแล้วแล้วหนูก็โอเค ไม่ได้พูดอะไร (ก็แหงล่ะ เงินเราก้ไม่ใช่ พูดอะไรได้ล่ะ)
จนท ควรจะเข้าใจว่า สไตล์การดำเนินชีวิตของแต่ละครอบครัวต่างกัน
แฟนหนูเป็นคนจีน ครอบครัวก็เป็นแบบนี้

จนท. บอกว่า แต่ที่นี่อเมริกานะ แฟนบอกว่า แต่ในใจของเขายังเป็นจีนอยู่
แล้วเขาก็ถกกันเรื่องประกันภัยกับเรื่องเงินนี่แหละ วนไปมา หนูได้แต่นั่งเงียบ เพราะใจหนูมันคิดเข้าข้างเจ้าหน้าที่ไปแล้ว

จนจนท. ถามว่าสมมุติว่าวันนึงหนูได้เป็นลอว์เยอร์ที่นี่ขึ้นมา มีเงิน ใช้ชีวิตกันเหมือนเดิม เงินแฟนคือเงินแฟน เงินหนูคือเงินหนู
แล้วระหว่างนั้น แฟนหนูโดนเลออฟขึ้นมา แฟนหนูจะรู้สึกยังไง

แฟนก็บอกว่า เป็นไปไม่ได้ เขาน่ะ ทำงานหนัก ขยัน ไม่ตกงานหรอก
ถึงตกงานก็ตกไม่นาน

จนท. ก็ถามว่า ถ้าตกงานขึ้นมาล่ะ ถ้าตก แฟนก็บอกว่าไม่ตกนานหรอก
หนูเลยย้ำให้ บอกว่าเขาถามว่าถ้าตกน่ะ สมมุติเฉยๆ

แฟนก็บอกว่า ตกก็ไม่เป็นไร หางานใหม่ อีกอย่างครอบครัวเขาก็เก็บเงินแทนเขา เขาสามารถใช้เงินนั้นเมื่อไรก็ได้

เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่ได้ถามว่าจะทำยัง ถามว่ารู้สึกยังไง ความรู้สึกต่อภรรยาน่ะ จะรู้สึกดีไหมที่แยกกันแบบนั้น แล้วภรรยาก็ไม่โอนเงินให้คุณเลย
แต่ก็ดูแลคุณ ไม่ไล่คุณออกจากบ้าน
แฟนเลยบอกว่า ก็รู้สึกแย่

เจ้าหน้าที่เลยบอกว่า that why สั้นๆ แต่แอบกินใจหนูจริงๆ หนูคิดเลย ขอบคุณที่ช่วยพูดแทนหนู
ส่วนแฟนหนูก็ยังยืนยันเหตุผลเดิมๆ

หนูก็เลยนิ่งไปเลย
จนท. ก็บอกว่าใบเขียวของหนูถูกดีไน
ตอนนี้หนูเลยดราม่าเลย ร้องให้มันตรงนั้นแหละ
เขาถามว่าแล้วจะทำยังไงต่อไป
แฟนก็บอกว่า ก็จะสมัครอยู่อย่างนี้จนกว่าจะได้

ตอนนี้เริ่มเสียสติละ ร้องให้แบบไร้เสียง แต่น้ำตาท่วม
แบบว่ามันจุกมาก เรื่องใบเขียวไม่ผ่านไม่เท่าไร ............แต่ว่าที่ จนท. เขาพูดเนี่ย มันจี้ใจจี๊ดๆ
แต่ก็พยายามเข้าใจแฟนว่า เขาเกรงใจแม่กับพี่สาวเขามาก เขาอยู่กันมาสามสิบกว่าปี
ส่วนเราเพิ่งจะมาอยู่บ้านนี้ได้แค่หกเดือน จะให้เขามาไว้ใจอะไรเราได้ อีกอย่างเราก็ตกงานไม่ได้มีเงินเขาบ้านเขาสักเพนนีเดียว


เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่เขาก็เดินออกไปข้างนอก กลับมาอีกทีก็ให้เซ็นต์เอกสาร
หนูไม่ได้พูดอะไรเลย เอาแต่นั่งปาดน้ำตา หน้ามืดหูอื้อไปหมด
ได้ยินเขาพูด แต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร จับใจความได้ประมาณว่า
หนูยังมีเวลานับแต่แต่งงานประมาณสองปี ที่จะยื่นเรื่องใหม่ แต่ยังไงซะ เขาจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับซุปเปอร์ไวเซอร์อีกที
แล้วเขาจะส่งผลไปให้ ที่บ้านเป็นกระดาษ จะในนั้นจะบอกว่าเราต้องทำอะไรบ้าง

ตอนนี้เริ่มหูดีขึ้น อาการดราม่าของเราอาจจะช่วยเราได้ แต่ไงซะยังคิดเรื่องที่ จนท.พูดอยู่ดี เห้อๆๆๆๆๆ

ตอนกลับบ้าน หนูเลยไปสมัครงานร้านอาหารประชดชีวิตซะเลย
แฟนก็ว่า จะสมัครร้านอาหารทำไม เพราะว่ามันไม่มั่นคง อยากให้สมัครงานบริษัทมากกว่า

แต่หนูก็จะไป ไม่มีเงินเข้ากระเป๋านานๆเดี๋ยวบ้าตายพอดี
สรุปว่า วันนี้เลยได้งานพาทไทม์ เป็นงานที่เรียกว่า เข้ากะนรกมากๆ
ทำงานสามวัน เข้างาน 11.30 สองวันอย่างน้อยวันละสองชั่วโมง หรือจนกว่าลูกค้าหมด
แล้วมาเริ่มงานใหม่อีกทีตอนหกโมงเย็น ส่วนวันเสาร์มา หกโมงเย็นอย่างเดียว ถึงสามทุ่ม
กะนรกมากๆ แต่หนูก็ตกลง

แฟนบอกว่า ไม่เห็นต้องทำที่นี่เลย ไม่สะดวก แถมร้านนี้เงียบมากๆ หนูถึงได้ชั่วโมงน้อย
แต่หนูก็บอกไปว่า....ยังดีกว่าอยู่เปล่าๆ (หนูอยากจะบ้านตาย)


อันที่จริง แฟนหนูก็ดูแลหนูอย่างดีตลอดแหละพี่ แต่ว่ามันติดตรงครอบครัวเขานี่แหละ
ที่ทำให้หนูเหนื่อยใจเรื่อยมา เรื่องไม่ไว้ใจใช่ว่าหนูจะไม่เคยคิด หนูก็คิดนะ
แต่อย่างที่บอก หนูใช้คาถา มันไม่ใช่เงินเรา เราไม่ได้อยากได้เงินเขา
แต่ใจก็อยากให้เขาปฎิบิติกับเราเหมือนกับที่สามีภรรยาคู่อื่นๆเขาปฎิบัติต่อกัน นี่แหละเหตุผลว่าทำไมหนูถึงโกรธ

ตอนนี้ให้แฟนไปคุยกับพี่สาวเรื่องนี้แล้ว ผลที่ได้มาแฟนหนูพอใจมาก
แต่สำหรับหนู มันก็ไม่ต่างกันมากนัก เขาจะเอาชื่อหนูไปใส่ในประกันชีวิต
ส่วนแฟนหนูเอาชื่อเขามาใส่บัญชีหนู ตอนไปถึงธนาคารแอบอึ้งเหมือนกัน
เจ้าหน้าที่ธนาคารยังอึ้งเลย ร้องหืออยู่สามรอบ ทวนใหม่อีกหลายที ว่าตกลงเอาชื่อแฟนใส่บัญชีหนูนะ
ไม่ได้เอาชื่อหนูใส่บัญชีแฟน รายละเอียดไม่เล่าแล้ว ยาวเกิน แถมจะพาให้ของขึ้นอีก

ได้แต่ทำใจ เอาวะ เขาเอาชื่อเขามาบัญชีเรา ทั้งๆที่เขาดูแลเราทั้งเรื่องกินเรื่องอยู่เรายังรู้สึกเลย
(หนูไม่ได้งกนะพี่ แต่ว่าที่หนูรู้สึกเนี่ย เพราะอันนี้หนูก็กะเก็บไว้เผื่อฉุกเฉิน เรามันตัวคนเดียวที่นี่นี่นา)
ก็เลยพยายามเข้าใจว่า อันนั้นเงินเขา เขาอยู่กันมาแบบนั้นตั้งนาน งานเราก็ไม่ทำ เขาคงคิดหนักกว่าเรา


ตอนนี้ได้แต่ภวนาว่า............ขอให้ดราม่าช่วยหนูด้วยเถอะ

Sun Apr 11, 2010 11:08 pmProfile

แจมบ่อย
แจมบ่อย

Joined: Wed Sep 09, 2009 5:12 pm
Posts: 107
Location: SC
Post Re: ประสบการณ์สัมภาษณ์กรีนการ์ด ที่ไม่ผ่านค่ะ เรื่องยาวมากๆ
เสียใจด้วยนะคะ กับประสบการณ์เรื่องกรีนการ์ด แต่ก็ขอเป็นกำลังใจ และให้โชคดีในวันข้างหน้าคะ

Sun Apr 11, 2010 11:21 pmProfile

เฝ้าบอร์ด
เฝ้าบอร์ด
User avatar

Joined: Wed Jan 07, 2009 12:12 pm
Posts: 1326
Location: เกิดปี 1976 จ๊า
Post Re: ประสบการณ์สัมภาษณ์กรีนการ์ด ที่ไม่ผ่านค่ะ เรื่องยาวมากๆ
ตุ๊กตา อย่าเพิ่งท้อนะ ตอนนี้ก็รอเอกสารจากเจ้าหน้าที่ แล้วเตรียมเอกสารที่ตุ๊กกับแฟนพอจะยื่นเพิ่มได้ หากเป็นการให้ยื่นเอกสารความสัมพันธ์เพิ่ม พี่โบเป็นกำลังใจให้ สู้ๆ

Sun Apr 11, 2010 11:35 pmProfile

เฝ้าบอร์ด
เฝ้าบอร์ด
User avatar

Joined: Wed Apr 23, 2008 12:06 am
Posts: 1808
Location: LA , California
Post Re: ประสบการณ์สัมภาษณ์กรีนการ์ด ที่ไม่ผ่านค่ะ เรื่องยาวมากๆ

อยากฟังความคิดเ็ห็นแบบไม่เฟคไหม๊ ปุ๊กเห็นว่าแบบนี้ค่ะ
เราแต่งงานเป็นครอบครัวใหม่แล้ว ไม่ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในบ้านใหญ่ก็ควรจะต้องแบ่งสรรปันส่วนออกมาบ้าง
ไม่ใช่ปล่อยทุกอย่างให้อยู่ในเงื้อมมือของคนอื่น(ในที่นี้คือพี่สาว) เพราะเราไม่รู้ว่าวันนึงข้างหน้าจะเป็นยังไง
อีกอย่างความรู้สึกส่วนตัวคือสามีคือคนที่ควรปกป้องเรา และคอยเป็นกำลังสนับสนุนให้เรา ไม่ใช่หักล้าง
การเอาชื่อเค้ามาใส่บัญชีเราไม่สามารถช่วยให้เอกสารหนักแน่นขึ้นกว่าเดิม มีแต่เจ้าหน้าที่จะมองว่าคุณจ้างเค้าแต่งงาน
เค้าเลยไม่ยอมเอาชื่อคุณใส่ในบัญชีเงินเดือนของเค้้า ทำไมไม่หาทางออกแบบนี้คะ (อันนี้แนะนำ ทำหรือไม่ทำก็ได้)
1. เปิดบัญชีใหม่ไปเลย ใส่ชื่อเราและสามี แบ่งเงินจากการทำงานของสามีมาใส่ รวมทั้งเอาเงินจากที่เราทำงานได้มาใส่
ให้ถือซะว่าอันนี้เป็นบัญชีครอบครัว"ของเราเท่านั้น" ไม่ใช่บัญชีกลางครอบครัวใหญ่
2. ประกันชีวิตของสามี หากเปลี่ยนเป็นใส่ื่ชื่อเราคนเดียวได้จะดีมาก แต่ถ้าไม่ได้ก็ใส่ชื่อเราเป็นผู้รับผลประโยชน์หนึ่งในนั้นก็ได้
แต่อย่าลืมว่าผู้รับผลประโยชน์เปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ แ่ค่ปีเดียวคงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ถ้าจะใส่ชื่อเราคนเดียว
นอกจากนี้คงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ปุ๊กมองว่าเมื่อเราแต่งงานเป็นครอบครัวแล้วก็ควรจะหันหน้าปรึกษากัน
ไม่ใช่ปล่อยให้เราแก้ปัญหาของเราคนเดียว แล้วสามีไม่รู้ไม่เห็นหรือไม่สนใจ แบบนั้นจะแต่งงานทำไม 
อยู่คนเดียวดีกว่าไหม๊คะ อีกอย่างบัญชีของเราที่เอาชื่อเค้ามาใส่ด้วย รีบไปเอาออกโดยด่วน
อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจสามี เพราะเราไม่มีอะไรเป็นหลักประกันเลย อย่าคิดว่าเค้าจะรักและดูแลตลอดไป
อย่างน้อยเราควรมีอะไรที่เป็นของเราคนเดียวสักอย่าง ต่างบ้านต่างเมือง บ้านเราก็ไม่ใช่
ถ้าเค้ารักเราจริงก็ต้องเอาชื่อเราไปใส่ในบัญชีของเค้า ไม่ต้องให้เราถือสมุดเช๊คก็ได้ถ้าไม่ไว้ใจ 
แต่ไม่ใช่เอาชื่อเค้ามาใส่ในบัญชีของเรา (ที่เป็นเงินเก็บ ไม่ใช่เงินที่ได้จากการทำงานเหมือนเค้า)
วันดีคืนดีเิกิดหมดรักเราขึ้นมาถอนเงินเราไปเกลี้ยง เราไม่ต้องไปนอนข้างถนนเหรอ (แรงไปหน่อยแต่เป็นเรื่องจริง)
อย่าหยิ่งในศักดิ์ศรีเกินไปจนไม่กล้าร้องขอ สามีภรรยาคือบุคคลคนเดียวกันแล้ว ทำอะไรควรไตร่ตรองให้ดี
รักได้ แต่อย่ารักเค้าหมดจนลืมที่จะรักตัวเอง เพราะสามีเรา ออกนอกบ้านก็เป็นคนอื่นได้ตลอดเวลาค่ะ
เป็นกำลังใจให้ และขอโทษด้วยนะคะถ้าความเห็นรุนแรงไปหน่อย ช่วงนี้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ฮ่ะๆ

Mon Apr 12, 2010 2:13 amProfile

เด็กหัดโพสต์
เด็กหัดโพสต์
User avatar

Joined: Mon Jun 22, 2009 1:27 pm
Posts: 11
Post Re: ประสบการณ์สัมภาษณ์กรีนการ์ด ที่ไม่ผ่านค่ะ เรื่องยาวมากๆ
ขอบคุณกำลังใจค่ะ
ตอนนี้หนูก็รอเอกสารอยู่น่ะพี่โบว์ ไม่รู้เมื่อไรจะมาสักที อาทิตย์ที่ผ่านมาช่างยาวนานเหมือนสามปี

ส่วนเรื่องที่พี่ปุ๊กพูด หนูก็คิดอยู่ว่ามันไม่ช่วย แต่อุปสรรค์ไม่ได้อยู่ที่แฟนหนูแต่เป็นครอบครัวเขา
หนูก็ไม่อย่างไปกดดันเขามาก ไม่ให้ก็ไม่ให้ แต่ถ้าเร็วๆนี้จะเกลียดกันอยากได้ก็เชิญเอาไปตามสบายค่ะ หนูไม่ค่อยแคร์เท่าไรค่ะ
เพราะเงินหนูก็ไม่มาก

นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเขาไม่ไว้ใจเรา
เรื่องของเรื่องสาเหตุมันมาจากเรื่องอดีตของเขา บวกกับเรื่องที่ครอบครัวหนูขอค่าสินสอด และจัดพิธีแต่งงาน
มันก็เลยพาลไม่ไว้ใจกันหมด

ตอนนี้ได้เอาชื่อเราไปใส่ในบัญชีหุ้นของแฟนค่ะ
นั้นเป็นสมบัติชิ้นเดียวของแฟนหนูที่คนอื่นไม่มีเอี่ยวค่ะ

ส่วนเรื่องงานตัดสินใจไม่ทำแล้วพี่โบว์ เวลาไม่ลงกับเรื่องเลย ได้ไม่คุ้มเสียอ่ะ

Mon Apr 12, 2010 9:38 pmProfile

แจมประจำ
แจมประจำ
User avatar

Joined: Mon Aug 24, 2009 1:16 pm
Posts: 530
Location: Raleigh,NC ." Love GYM ", Bodybuilder
Post Re: ประสบการณ์สัมภาษณ์กรีนการ์ด ที่ไม่ผ่านค่ะ เรื่องยาวมากๆ
มาให้กำลังใจค่ะ
เฮ้ย สามี ภรรยา คิดว่าออกมาอยู่ข้างนอกดีกว่าจะได้สบายใจ
ครอบครัวเขาใหญ่ ถ้าแฟนยังไม่ทำอะไรให้เป็นหลักฐานมั่นคง
เรื่อง กรีนการ์ด เดี๋ยวก็ยากอีกหรอก ค่ะ ..

แฟนคุณต้องแยก ภรรยา กับครอบครัวของเขาให้ออก
มาลังเลใจหรือไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ค่ะ ..

Mon Apr 12, 2010 11:29 pmProfile

แจมบ่อย
แจมบ่อย
User avatar

Joined: Wed Jun 04, 2008 4:54 pm
Posts: 213
Post Re: ประสบการณ์สัมภาษณ์กรีนการ์ด ที่ไม่ผ่านค่ะ เรื่องยาวมากๆ
เสียใจด้วยนะคะเรื่องกรีนการ์ด แต่ว่าในเมื่อตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าปัญหาที่ทำให้ไม่ได้กรีนการ์ดคืออะไร คิดว่าแฟนคุณตุ๊กตาน่าจะยอมรับฟังมากขึ้นนะคะ พยายามเปิดบัีญร่วมกัน หรือว่าเอาชื่อคุณไปใส่ไว้ในบัญชีของเค้าไว้ อย่างที่พี่ปุ๊กว่า เรื่องประกันชีวิตก็ใส่ชื่อคุณลงไปแค่ปีเดียว คงไม่เป็นอะไรหรอกมั๊งคะ เข้าใจว่าเค้าเป็นครอบครัวใหญ่ เป็นครอบครัวคนจีน แต่ในเมื่อเค้าแต่งงานกับคุณแล้ว ก็น่าจะคิดว่านี่คือครอบครัวของเค้าเอง ครอบครัวที่จะมีลูก มีอะไรเป็นของตัวเองต่อไปในอนาคต เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะคะ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยากค่ะ
หนิงเองก็แต่งงานกับคนจีนค่ะ แต่แฟนเกิดที่นี่ พ่อแม่เค้าก็ไม่เคร่งครัดอะไรแล้ว แทบจะไม่เหมือนครอบครัวคนจีนแล้วถ้าไม่นับที่ว่าเค้าพูดจีนกันในครอบครัวแล้วก็ใช้ตะเกียบเท่านั้นเอง ตอนแรกๆที่คบกัน แม่เค้าก็ดูท่าทางจะไม่ชอบเรา ( แหม ลูกชายคนเดียวอ่ะเนอะ โดนเรามาจากไหนไม่รู้มาฉกตัวไป ) แต่พออยู่ไปนานๆ แต่งงานแต่งการกันเค้าก็ดูเปิดใจยอมรับมากขึ้นค่ะ อีกอย่างนึงอาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันด้วย เรื่องความขัดแย้งขวางหูขวางตาเลยไม่ค่อยมี อาทิตย์นึงเจอกันทีก็เลยคุยกันดีๆได้ แฟนหนิงเค้าก็เป็นคนหนักแน่นด้วยแหละ เคยถามเค้านานแล้วก่อนแต่งงานว่า ถ้าพ่อแม่ยูไม่ให้แต่งงานกับไอ ยูจะทำยังไง เค้าบอกว่า เค้าก็จะแต่งอยู่ดี พ่อแม่ก็ส่วนพ่อแม่ ไม่ใช่เจ้าของชีวิตเค้านะ เค้าจะรักใครมันเรื่องของเค้า
เรื่องทำงาน พยายามหาดูพวกงานร้านอาหารมั๊ยคะ ที่มันไม่หนักเกินไปแล้วไม่ต้องทำทุกวัน คุณตุ๊กตาจะได้มีเวลากลับไปเรียนด้วย เห็นว่าจบเกี่ยวกับกฎหมายมาจากเมืองไทยใช่มั๊ยคะ สนใจจะเรียนเป็น Paralegal มั๊ยหละคะ คิดว่าคุณน่าจะถนัดด้านภาษากฎหมาย นี่คุณแฟนก็บอกให้ไปเรียนอยู่จะได้มาช่วยเค้าที่สำนักงานทนายความของเค้า แต่หนิงถอดใจตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ใจไม่รักเลย ยากด้วยพวกคำศัพท์เรื่องกฎหมายเนี่ย
พล่ามซะยาวเลยเรา ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ คิดซะว่าการถูกปฏิเสธครั้งนี้เป็นการชี้ให้เราเห็นว่าเราขาดตรงส่วนไหนไป เราบอกเอง เค้าคงไม่เชื่อเท่าไหร่ ต้องให้เจ้าหน้าที่และเอกสารนี่แหละเป็นตัวบ่งชี้ให้ คนเรารัักกันจริงๆแต่งงานจริงๆถึงจะมีอุปสรรคยังไงเกิดขึ้นก็จะต้องร่วมกันฝ่าฟันมันไปด้วยกันใช่มั๊ยคะ

Tue Apr 13, 2010 6:32 pmProfile

แจมบ่อย
แจมบ่อย
User avatar

Joined: Tue Mar 03, 2009 7:47 pm
Posts: 145
Location: ปูนาขาเกเซลงรู..คุณแม่มือใหม่..NM,USA
Post Re: ประสบการณ์สัมภาษณ์กรีนการ์ด ที่ไม่ผ่านค่ะ เรื่องยาวมากๆ
ตุ๊กตาี่พี่ปูเสียใจด้วยนะเรื่องวีซ่า ยื่นใหม่ก็ได้เนอะ เรื่องอยู่กับครอบครัวใหญ่ก็อย่างว่า ยิ่งเป็นคนจีนเค้าก็จะมีเงินกงสีอะไรงี้อยู่แล้ว พี่ก็ไม่ต่างจากเราท่าไรหรอก แฟนพี่เป็นคนรัสเซียที่ถือซิติเซ่น แต่เค้าเปิดบัญชีแล้วมีชื่อเราทุกคน ชื่อลูกพี่ยังมีเลย เงินเดือนพี่เงินเดือนสามี เงินเกษียณพ่อแม่แฟนเรารวมกันหมด แต่งงานก็ไม่มี จดทะเบียนกันเฉยๆยังไงก็สู้สู้นะ

Tue Apr 13, 2010 11:28 pmProfile

เด็กหัดโพสต์
เด็กหัดโพสต์
User avatar

Joined: Mon Jun 22, 2009 1:27 pm
Posts: 11
Post อัพเดท เหตุการ์หลังจากกรีนการ์ด ที่ไม่ผ่านค่ะ
มาอัพเดทข่าวสดๆร้อนๆค่ะ เพิ่งได้รับกระดาษครึ่งแผ่นจาก USCIS มาค่ะ
บอกว่าให้หนูไฟล์ฟอร์ม I-751 ตอนช่วงต้นปี 2012 

แบบนี้แปลว่าดราม่าหนูได้ผลหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไงเอ่ย
ตกลงแบบนี้เขาเปลี่ยนใจให้ใบเขียวหนูหรือเปล่าคะ

Sat Apr 17, 2010 4:18 amProfile

แจมบ่อย
แจมบ่อย
User avatar

Joined: Wed Jun 04, 2008 4:54 pm
Posts: 213
Post Re: ประสบการณ์สัมภาษณ์กรีนการ์ด ที่ไม่ผ่านค่ะ เรื่องยาวมากๆ
เจ้าฟอร์ม I 751 นี่มันเป็น Petition to Remove the Conditions of Residence คือต่อใบเขียวสองปีให้เป็นสิบปีนี่คะ เอ หรือว่าเค้าอนุมัติใบเขียวสองปีให้คุณแล้วเหรอคะ หนิงก็ไม่แน่ใจเพราะว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์ได้ใบอะไรแบบนี้เลย รอพี่ๆเพื่อนๆคนอื่นมาช่วยตอบนะคะ แต่ถ้าเคสอนุมัติแล้วจริงๆก็ดีใจด้วยนะคะ : )

Sun Apr 18, 2010 5:46 amProfile

เด็กหัดโพสต์
เด็กหัดโพสต์
User avatar

Joined: Mon Jun 22, 2009 1:27 pm
Posts: 11
Post Re: ประสบการณ์สัมภาษณ์กรีนการ์ด ที่ไม่ผ่านค่ะ เรื่องยาวมากๆ
ลืมมาอัพเดทเลยค่ะ ดีที่พี่แนทมาช่วยสะกิดเตือน

หลังจากผ่านเรื่องน่าปวดหัวมา ตอนนี้ได้กรีนการ์ดมาแล้วเรียบร้อยค่ะ

Tue Sep 07, 2010 9:47 pmProfile

ผู้ตรวจทาน
ผู้ตรวจทาน

Joined: Mon Nov 14, 2005 10:26 pm
Posts: 11594
Post 
tooookta
    ลืมมาอัพเดทเลยค่ะ ดีที่พี่แนทมาช่วยสะกิดเตือน หลังจากผ่านเรื่องน่าปวดหัวมา ตอนนี้ได้กรีนการ์ดมาแล้วเรียบร้อยค่ะ
    พี่แนทดีใจด้วยนะคะ ว่าแต่ว่าน้องได้กรีนการ์ดเมื่อไหร่คะ (สัมภาษณ์ที่ไหนคะ)

Tue Sep 07, 2010 11:35 pm